การคาดการณ์ EURUSD ปี 2026–2027: แนวโน้มหลักของตลาดและการคาดการณ์ในอนาคต

28.11.2025

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลในบทความนี้อ้างอิงจากการวิเคราะห์ของแหล่งข้อมูลทางการเงินที่เชื่อถือได้และข้อมูลเชิงวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญของ RoboForex ข้อสรุปดังกล่าวสะท้อนผลลัพธ์จากการวิจัยอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ควรคำนึงว่า การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อสภาวะตลาดอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจทำให้การคาดการณ์เปลี่ยนแปลงไปได้ เราแนะนำให้ท่านทำการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทางการเงินที่สำคัญ

บทความนี้นำเสนอการคาดการณ์ EURUSD สำหรับปี 2026 และ 2027 พร้อมเน้นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของคู่เงิน เราจะใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค พิจารณาความเห็นของผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ ธนาคารขนาดใหญ่ และสถาบันการเงิน รวมถึงศึกษาการคาดการณ์จากโมเดล AI ข้อมูลเชิงลึกแบบรอบด้านเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่เป็นไปได้ของ EURUSD นี้ จะช่วยให้นักลงทุนและเทรดเดอร์ตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลประกอบมากขึ้น

สารบัญ:

ประเด็นสำคัญของการคาดการณ์ EURUSD

ก่อนที่เราจะเข้าสู่การวิเคราะห์เชิงลึกและการคาดการณ์สำหรับ EURUSD ในปี 2026 และ 2027 มาดูปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบมากที่สุดต่อคู่เงินนี้ก่อน

แนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน: การเติบโตทางเศรษฐกิจของยูโรโซนยังคงอยู่ในระดับปานกลาง โดยการคาดการณ์ GDP สำหรับปี 2026 อยู่ที่ประมาณ 1.6%
นโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟด: ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยยังเป็นปัจจัยหลัก การลดดอกเบี้ยของ ECB ที่แรงกว่าเฟดอาจสนับสนุนการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ เฟดยังคงท่าทีระมัดระวัง ในขณะเดียวกันก็ลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 4.0% แม้ว่าจะยังมีความเป็นไปได้ของการปรับเปลี่ยนในอนาคต

เงินเฟ้อในยูโรโซนและสหรัฐฯ: การคาดการณ์สำหรับปี 2026 ชี้ว่าอัตราเงินเฟ้ออาจอยู่ในช่วง 1.6%–2.0% ซึ่งอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของ EURUSD ส่วนในสหรัฐฯ เงินเฟ้ออยู่ที่ 3.0% ในเดือนกันยายน ทำให้เฟดตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ 4.00%

ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์: ความไม่มั่นคงในตะวันออกกลางและทั่วโลกยังคงส่งผลต่อราคาพลังงาน กระทบห่วงโซ่อุปทาน และกดดันอัตราแลกเปลี่ยน EURUSD

การคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญและ AI: การคาดการณ์เชิงวิชาชีพสำหรับ EURUSD มีทั้งมุมมองบวกและลบ นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่ายูโรอาจแข็งค่าต่อเนื่อง หากการเติบโตของยุโรปมีเสถียรภาพและเฟดผ่อนคลายนโยบายต่อไป (มีการคาดการณ์ว่า EURUSD อาจทะลุกลางโซน 1.20 ขึ้นไป) ขณะที่อีกส่วนคาดการณ์ว่าดอลลาร์อาจกลับมาแข็งค่าและกดคู่เงินลง (ในกรณีเลวร้ายที่สุดบางฉบับถึงขั้นมองไปที่ระดับเสมอภาค 1.0000 หรือแม้แต่ต่ำกว่า) ช่วงการคาดการณ์สำหรับอัตรา EURUSD ปี 2026 จึงกว้างมาก ประมาณ 0.9000 ถึง 1.2000 สะท้อนระดับความไม่แน่นอนที่สูง ตัวอย่างเช่น โมเดล AI บางตัวคาดระดับต่ำสุดแถว 0.90 ในขณะที่การคาดการณ์เชิงบวกจากแหล่งอื่นมองว่ายูโรอาจทดสอบช่วง 1.2000–1.3000 หรือสูงกว่า หากเงื่อนไขเอื้ออำนวย

สำหรับการคาดการณ์ EURUSD ช่วงต้นปี 2026 การเคลื่อนไหวของคู่เงินคาดว่าจะขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของเฟดและ ECB รวมถึงทิศทางเงินเฟ้อและปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนไป การคาดการณ์ยังแตกต่างกันออกไป:

  • ในกรณี ขาขึ้น (bullish) มองว่ากรอบแนวโน้มขาขึ้นปัจจุบันอาจขยายต่อไปสู่แถว 1.3000 และอาจไปถึง 1.3500–1.4000 หากภาวะเศรษฐกิจยูโรโซนดีขึ้นต่อเนื่องและเฟดมีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น
  • ในกรณี ขาลง (bearish) แนวโน้มลบจะเกิดขึ้นหากระดับแนวรับของยูโร เช่น 1.1200–1.1000 แตกลง ทำให้ราคาถอยลงสู่ 1.0500 หรือแม้แต่ระดับเสมอภาค 1.0000 ภายใต้สถานการณ์ที่ดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าอย่างชัดเจน
  • ในกรณี แกว่งตัวออกด้านข้าง (sideways) EURUSD อาจเคลื่อนไหวสะสมตัวในกรอบประมาณ 1.1000–1.2000 หากทั้งฝั่งซื้อและฝั่งขายไม่สามารถครอบงำตลาดได้อย่างเด็ดขาด
     

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการคาดการณ์ EURUSD

การทำความเข้าใจปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน EURUSD เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการคาดการณ์ที่แม่นยำ ด้านล่างคือปัจจัยหลักที่จะกำหนดทิศทางของคู่เงินนี้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

นโยบายของธนาคารกลาง: ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) มีบทบาทสำคัญต่อพฤติกรรมของ EURUSD การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและเป้าหมายเงินเฟ้อสามารถเปลี่ยนแปลงมุมมองของตลาดได้อย่างรุนแรง นำไปสู่การเคลื่อนไหวของค่าเงินในระดับใหญ่ ตัวอย่างเช่น เฟดที่มีท่าที “สายเหยี่ยว” มากขึ้น (เข้มงวดหรือตึงตัวนานกว่าที่คาด) อาจทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ขณะที่การเปลี่ยนท่าทีไปในเชิงผ่อนคลาย (dovish) อาจทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า เช่นเดียวกัน เส้นทางนโยบายของ ECB (การลดหรือปรับขึ้นดอกเบี้ย) จะมีผลต่อความต้องการถือครองยูโร

การเติบโตทางเศรษฐกิจและข้อมูล GDP: ผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของทั้งยูโรโซนและสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน EURUSD การเติบโตของ GDP ที่แข็งแกร่งในยูโรโซนอาจสนับสนุนการแข็งค่าของยูโร ขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า ในทางกลับกัน หากเศรษฐกิจยูโรโซนอ่อนแอหรือเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตโดดเด่น ยูโรอาจอ่อนค่าลง ความแตกต่างของอัตราการเติบโตระหว่างสองภูมิภาคจะเป็นตัวกำหนดแนวโน้มระยะยาวของ EURUSD และส่งผลต่อทิศทางโดยรวมของตลาด

อัตราเงินเฟ้อ: เงินเฟ้อมีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางและมูลค่าของสกุลเงิน หากอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนสูงกว่าสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ ECB อาจจำเป็นต้องชะลอการลดดอกเบี้ยหรือพิจารณาปรับขึ้น ซึ่งทำให้ยูโรน่าสนใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ในทางตรงกันข้าม หากเงินเฟ้อในสหรัฐฯ สูงกว่าหรือยากจะลดลงมากกว่าในยุโรป เฟดอาจต้องคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนานขึ้น ซึ่งสนับสนุนดอลลาร์ นักลงทุนจึงจับตาดู “ส่วนต่างเงินเฟ้อ” เพื่อหาสัญญาณของการแตกต่างกันของนโยบายการเงิน

เหตุการณ์ทางการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์: เสถียรภาพทางการเมืองและเหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ในยูโรโซนและสหรัฐฯ สามารถส่งผลอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของ EURUSD ทั้งการเปลี่ยนรัฐบาล การเลือกตั้งครั้งใหญ่ หรือการเปลี่ยนนโยบาย (เช่น นโยบายการค้า หรือนโยบายการคลัง) สามารถเปลี่ยนมุมมองของนักลงทุนได้ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการเปลี่ยนนโยบายในปี 2025 แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของตลาดสามารถเปลี่ยนไปได้เร็วเพียงใด – มาตรการภาษีการค้าใหม่และความตึงเครียดระหว่างประเทศในช่วงต้นปี 2025 ทำให้ตลาดมีความผันผวนอย่างมาก นอกจากนี้ ความขัดแย้งระดับภูมิภาค สงครามการค้า หรือความไม่มั่นคงทางการเมือง (เช่น การเจรจาเพดานหนี้และการปิดหน่วยงานรัฐในสหรัฐฯ หรือการแตกแยกทางการเมืองในยุโรป) ยังสามารถผลักให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่ไม่แน่นอน

ดุลการค้าและบัญชีเดินสะพัด: ดุลการค้าระหว่างยูโรโซนและสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของ EURUSD การที่สหรัฐฯ มีการขาดดุลการค้าหรือขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้น (นำเข้ามากกว่าส่งออก) อาจทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะยาว โดยเฉพาะหากต้องพึ่งพาเงินทุนกู้ยืมจากต่างประเทศ ในทางกลับกัน ดุลการค้าที่เกินดุลหรือดีขึ้นของยูโรโซนสามารถสนับสนุนการแข็งค่าของยูโร

ภาวะความเชื่อมั่นของตลาดและความต้องการรับความเสี่ยง: ความเชื่อมั่นของตลาดโลกมีผลโดยตรงต่อคู่เงิน EURUSD ในช่วงที่ตลาดมีมุมมองเชิงบวกและนักลงทุนต้องการรับความเสี่ยงมากขึ้น นักลงทุนอาจเลือกสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงหรือลงทุนเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลดีต่อยูโรหากแนวโน้มยูโรโซนเป็นบวก ในทางกลับกัน ในช่วงที่ตลาด “หนีความเสี่ยง” (risk-off) เช่น ช่วงที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น วิกฤตการเงิน หรือเศรษฐกิจโลกชะลอตัว นักลงทุนมักหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ความขัดแย้งและสงครามสามารถส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้ออย่างมีนัยสำคัญ ดังที่เห็นในอดีต จึงมีผลต่อความเชื่อมั่นด้วย การเปลี่ยนแปลงของความเชื่อมั่นความเสี่ยงอาจทำให้ EURUSD แกว่งตัวอย่างรวดเร็วโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานมากนัก จึงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

การประเมินและทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวิเคราะห์ความผันผวนของค่าเงินในอนาคตและการสร้างแบบจำลองคาดการณ์ EURUSD การประเมินการเคลื่อนไหวของคู่เงินและเหตุการณ์ในปี 2025 แสดงให้เห็นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเหล่านี้เป็นตัวกำหนดแนวโน้มไม่เพียงเฉพาะในปี 2026 แต่ยังต่อเนื่องไปอีกหลายปีข้างหน้า

เกิดอะไรขึ้นกับ EURUSD ในปี 2025

ในปี 2025 คู่เงิน EURUSD ได้เกิดสัญญาณกลับตัวของแนวโน้มที่ชัดเจน แนวโน้มขาลงระยะยาวที่เริ่มตั้งแต่กันยายน 2024 สิ้นสุดลงในช่วงต้นปี 2025 และภายในไตรมาสที่สองคู่เงินได้ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ปี 2024 การฟื้นตัวของยูโรครั้งนี้ได้รับแรงหนุนจากการเปลี่ยนแปลงความคาดหวังเกี่ยวกับนโยบายของธนาคารกลางและความแตกต่างของศักยภาพเศรษฐกิจระหว่างสองภูมิภาค

ปัจจุบัน EURUSD เคลื่อนไหวอยู่ราวระดับ 1.1600 หลังจากทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่เคยจำกัดการปรับขึ้นในช่วงปลายปี 2024 ได้อย่างชัดเจน การเบรกขึ้นเหนือโซน 1.1000–1.1200 ได้เปิดทางให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไปแถวช่วงกลางโซน 1.2000 และอาจสูงกว่านั้น

หากโมเมนตัมขาขึ้นยังคงอยู่ และราคาสามารถทรงตัวเหนือโซนแนวรับ 1.1400–1.1600 ได้ ฝั่งซื้ออาจผลักดันราคาให้ทะลุ 1.1800 และมุ่งหน้าไปทดสอบ 1.2000 อย่างไรก็ตาม หาก EURUSD อ่อนตัวลงกลับมาหลุดต่ำกว่า 1.1200 จะเป็นสัญญาณว่ากำลังขาขึ้นเริ่มอ่อนแรง แรงขายรอบใหม่อาจกดราคาให้ย้อนลงสู่บริเวณ 1.1000 หรือต่ำกว่า พร้อมโอกาสกลับไปทดสอบโซน 1.0500–1.0300 อีกครั้ง ต่อไปมาดูปัจจัยพื้นฐานที่สามารถกระตุ้นให้เทรดเดอร์ตัดสินใจ “ซื้อ” หรือ “ขาย” EURUSD ในปี 2025:

อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในยูโรโซนและสหรัฐฯ

เศรษฐกิจสหรัฐฯ แสดงอัตราการเติบโตที่สูงกว่า โดยคาดว่าจะขยายตัวราว 1.8–2.0% ในปี 2025 จากแรงหนุนของอุปสงค์ภายในประเทศที่มั่นคงและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ในปี 2026 การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจขยับขึ้นเล็กน้อยสู่ 2.1% อันเป็นผลจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น ขณะที่ทั้งสองเศรษฐกิจยังได้รับผลกระทบจากความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ ความท้าทายเชิงโครงสร้าง และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการค้าโลก

การเปรียบเทียบนโยบายการเงินของ ECB และเฟด

ECB: หลังจากปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในปี 2022–2023 ECB เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 และหยุดพักเพื่อประเมินการชะลอลงของเงินเฟ้อไปใกล้ระดับ 2% ในเดือนตุลาคม 2025 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.15% และยังมีความเป็นไปได้ที่จะลดลงเพิ่มเติมในช่วงปลายปี 2025 หากข้อมูลเศรษฐกิจเอื้ออำนวย

เฟด: หลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายสู่ช่วง 5.00–5.25% ในปี 2024 เฟดได้ลดดอกเบี้ยลงสู่ 4.0% ในเดือนตุลาคม 2025 โดยให้เหตุผลว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ในระดับสูง ตลาดกำลังสะท้อนความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยเล็กน้อยอีกครั้งในช่วงปลายปี แต่ด้วยท่าทีระมัดระวังของเฟด การเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นในรูปแบบที่ยากจะคาดเดา

ส่วนต่างนโยบายเริ่มแคบลง: ทั้ง ECB และเฟดได้เริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไปแล้ว หากเฟดเริ่มลดดอกเบี้ยเร็วกว่าหรือมากกว่า ECB ส่วนต่างผลตอบแทนของดอลลาร์จะลดลง ซึ่งถือเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อยูโร

อัตราเงินเฟ้อ

ยูโรโซน: ดัชนีราคาผู้บริโภคแบบปรับให้เทียบเคียงกันได้ (HICP) เฉลี่ยราว 2.4% ในปี 2025 และคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.7% ในปี 2026 เนื่องจากราคาพลังงานลดลงและปัญหาคอขวดของห่วงโซ่อุปทานเริ่มคลี่คลาย หากราคากลับเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง (เช่น จากช็อกด้านพลังงานหรือวัฏจักรราคา–ค่าจ้างที่ผลักดันกันไปมา) ECB อาจชะลอหรือล้มเลิกการลดดอกเบี้ย ซึ่งจะจำกัดโอกาสการแข็งค่าของยูโร

Euro area HIPC inflation
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

Source: https://www.ecb.europa.eu/

สหรัฐฯ: ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ที่ประมาณ 2.9% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาส 3 ปี 2025 ขณะที่ดัชนี core PCE ยังคงทรงตัว เจ้าหน้าที่ Fed เน้นย้ำว่าเงินเฟ้อต้องปรับลดลงมาอยู่รอบ 2.0% อย่างมั่นคงก่อนจึงจะดำเนินการผ่อนคลายต่อไป การคาดการณ์ชี้ว่า CPI จะอยู่ราว 2.5% ภายในสิ้นปี 2025 และ 2.0% ในปี 2026 หากไม่มีช็อกใหม่เกิดขึ้น หากการลดลงของเงินเฟ้อเกิดขึ้นช้ากว่าคาด อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ก็อาจถูกคงไว้ในระดับสูงนานขึ้น หนุนให้ดอลลาร์แข็งค่า

ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัด

สหรัฐฯ: ดุลการค้าขาดดุลเรื้อรังของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นในปี 2025 เนื่องจากปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังการใช้มาตรการภาษีการค้า ขณะนี้ขาดดุลอยู่ที่ 78.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนการพึ่งพาเงินทุนจากต่างประเทศและสร้างความเสี่ยงในระยะยาวต่อดอลลาร์ หากความต้องการของนักลงทุนในการเข้ามาเป็นผู้ให้ทุนลดลง

ยูโรโซน: ภูมิภาคนี้ยังคงมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล โดยยอดดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ที่ 12.7 พันล้านในเดือนตุลาคม 2025 การส่งออกที่ลดลงไปยังสหรัฐฯ และจีนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อดุลการค้า

ผลกระทบของความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์

ยูเครน: การยกระดับความตึงเครียดทำให้ความเชื่อมั่นในยุโรปและเสถียรภาพด้านพลังงานตึงเครียดมากขึ้น ขณะที่การลดระดับความขัดแย้งช่วยหนุนเงินยูโร
ตะวันออกกลาง: ความไม่สงบรอบใหม่อาจผลักดันให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ซึ่งกระทบยุโรปที่พึ่งพาการนำเข้าพลังงานมากกว่าสหรัฐฯ
สงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน: มาตรการภาษีที่รุนแรงในปี 2025 ทำให้เงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะเป็นผลดีต่อดอลลาร์เสมอไป และการกระจายตลาดการค้าอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ส่งออกยุโรปในบางกรณี

โดยรวมแล้ว จุดเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์สร้างความผันผวนในปี 2025 และจะยังคงส่งผลต่อเนื่องในปี 2026 การบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการแกว่งตัวที่เกิดขึ้นทันทีทันใดอาจกลบปัจจัยพื้นฐานได้ในหลายช่วงเวลา

กราฟราคา EURUSD แบบเรียลไทม์

การวิเคราะห์ทางเทคนิค EURUSD ปี 2026

ต่อไปเราจะพิจารณากราฟรายวันและรายสัปดาห์ของคู่เงิน EURUSD ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราจะประเมินระดับแนวรับและแนวต้านสำคัญ ศึกษารูปแบบกราฟ และวิเคราะห์อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคเพื่อประเมินแนวโน้มของคู่เงิน

การวิเคราะห์กราฟรายวัน (พฤศจิกายน 2025):
บนกรอบเวลา Day โครงสร้างทางเทคนิคของ EURUSD ปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี 2025 เทรนด์ขาขึ้นที่เด่นชัดในครึ่งแรกของปี 2025 ได้เปลี่ยนเข้าสู่คลื่นปรับฐาน (correction) ที่สำคัญ ราคาได้ทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล 65 วัน (EMA-65) จากด้านล่างขึ้นมาด้านบน ขณะที่ยังคงซื้อขายอยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล 200 วัน (EMA-200) ซึ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่บรรยากาศตลาดฝั่งขาขึ้น (bullish sentiment)

อินดิเคเตอร์โมเมนตัมสนับสนุนฉากทัศน์ฝั่งขาขึ้น ตัวอย่างเช่น Stochastic Oscillator แสดงสัญญาณ Bullish Divergence แบบคลาสสิกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา – ราคาทำจุดต่ำใหม่ แต่จุดต่ำของ Stochastic สูงขึ้น สะท้อนแรงขายที่เริ่มอ่อนแรงลง จากนั้นเส้น %K และ %D ได้หันขึ้นจากโซน Oversold เสริมความเป็นไปได้ของการกลับตัวสู่แนวโน้มขาขึ้น เมื่อการปรับตัวขึ้นดำเนินต่อไป Stochastic รายวันได้เข้าสู่โซน Overbought เป็นระยะ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในเทรนด์ขาขึ้นที่แข็งแรง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Oscillator แสดงสัญญาณการสูญเสียโมเมนตัมขาขึ้น บ่งชี้ว่าราคาอาจกำลังเข้าสู่ช่วงการปรับฐาน

หลังจากการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว คู่เงิน EURUSD ได้ทดสอบบริเวณ 1.1800 และเริ่มสร้างคลื่นปรับฐาน หลังการปรับฐานต่อเนื่องสามสัปดาห์ ฝั่งซื้อได้สะสมสถานะเพียงพอ ราคาจึงเดินหน้าขึ้นอีกครั้ง ทดสอบระดับ 1.1875 ในขณะนี้ คู่เงิน EURUSD กำลังสร้างคลื่นปรับฐานอีกระลอก หลังจากทดสอบแนวรับบริเวณ 1.1480

การวิเคราะห์ทางเทคนิคของ EURUSD - 1
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

มุมมองระยะสั้น: ภาพรวมทางเทคนิคในระยะใกล้บ่งชี้แนวโน้มแบบผสมผสาน แต่โดยรวมยังค่อนไปทางขาขึ้น ตามภาพทางเทคนิคปัจจุบันของคู่เงิน EURUSD ฉากทัศน์ที่มีโอกาสมากที่สุด คือการย่อตัวเล็กน้อยหรือการพักฐาน/สะสมราคาใกล้ระดับ 1.1600 จากนั้นราคาอาจสร้างแรงส่งขึ้นระลอกใหม่ การทะลุขึ้นเหนือแนวต้านที่ 1.1800 จะเป็นสัญญาณยืนยันการเดินหน้าของเทรนด์ขาขึ้น พร้อมโอกาสทดสอบระดับ 1.2000

การวิเคราะห์ทางเทคนิคของ EURUSD - 2
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

ฉากทัศน์ฝั่งขาลงบนกราฟรายวันจะได้รับการยืนยัน หากการปรับตัวขึ้นปัจจุบันล้มเหลว และคู่เงินกลับเข้ามาเคลื่อนไหวในกรอบเดิม สัญญาณเตือนล่วงหน้าคือการหลุดลงต่ำกว่า 1.1200 และยิ่งชัดเจนหากราคาหลุดแนวรับโซน 1.1080–1.1050 ในฉากทัศน์ขาลงนี้ คู่เงินอาจถอยไปสู่ 1.0800 หรือ 1.0550

หากฝั่งขายสามารถกดราคาลงต่ำกว่า 1.0550 ได้อย่างเด็ดขาด จะบ่งชี้ถึงการกลับมาของเทรนด์ขาลงระยะยาว เปิดเป้าหมายสู่ 1.0200 และท้ายที่สุดโซนพาริตี้ 1.0000

อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคอย่าง Stochastic Oscillator จะมีแนวโน้มเข้าสู่โซน Overbought หากฉากทัศน์ขาลงเริ่มก่อตัวขึ้น (ในบริบทของการดีดตัวในเทรนด์ใหญ่) การที่ราคาลงมาทดสอบ EMA-200 จะเป็นสัญญาณเพิ่มเติมของการเปลี่ยนเทรนด์

การวิเคราะห์ทางเทคนิคของ EURUSD - 3
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

ยังมีความเป็นไปได้ของฉากทัศน์แบบแกว่งตัวในกรอบ หากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ไม่เกิดการทะลุขึ้นหรือลงที่ชัดเจนจากฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ในสถานการณ์นี้ EURUSD อาจแกว่งอยู่ในช่วงประมาณ 1.1400 ด้านล่าง และ 1.1800 ด้านบน ก่อให้เกิดกรอบการซื้อขายแนวราบ (horizontal range) ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดรอสัญญาณพื้นฐานที่ชัดเจนกว่านี้ (เช่น สัญญาณเจาะจงจาก Fed หรือ ECB)

สรุปการวิเคราะห์กราฟรายวันช่วงปลายปี 2025: ระดับสำคัญที่ต้องจับตาคือ 1.1400 (แนวรับ) 1.1000 (แนวรับหลัก) 1.1800 (แนวต้านแรก) และ 1.2000 (แนวต้านถัดไป) การทะลุขึ้นเหนือแนวต้าน 1.1800 อย่างมั่นคงจะเสริมโมเมนตัมขาขึ้น โดยมีศักยภาพปรับตัวไปยัง 1.2000–1.2200 ในทางกลับกัน การหลุดลงต่ำกว่าแนวรับ 1.1000 อาจเป็นสัญญาณเปลี่ยนมาเป็นฝั่งขาลง โดยมีเป้าหมายลงไปยัง 1.0500 และต่ำกว่า หากทั้งสองแบบไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ คู่เงิน EURUSD ก็อาจเคลื่อนไหวในรูปแบบ Sideways ต่อไป จนกว่าจะมีตัวกระตุ้นสำคัญให้เกิดการปรับตัวขึ้นหรือลงอย่างชัดเจน

การวิเคราะห์ทางเทคนิค EURUSD ระยะยาวสำหรับปี 2026

เพื่อจัดทำการคาดการณ์ EURUSD ระยะยาว เราจะพิจารณากราฟรายสัปดาห์ (Weekly) ของคู่เงิน โดยการวิเคราะห์กรอบเวลาที่กว้างขึ้นจะช่วยให้เราเห็นแนวโน้มหลักและระดับสำคัญที่อาจไม่ชัดบนกราฟรายวัน เราจะใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เน้นสามฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ (ขาขึ้น ขาลง และ Sideways) และทำเครื่องหมายระดับสำคัญบนกราฟรายสัปดาห์ เพื่อประเมินการเคลื่อนไหวของคู่เงินในระยะยาว (จนถึงสิ้นปี 2025 และต่อเนื่องไปถึงปี 2026)

ฉากทัศน์ระยะยาวที่เป็นไปได้ในปี 2026

1. ฉากทัศน์ฝั่งขาขึ้น (Bullish Scenario):

บนกราฟรายสัปดาห์ EURUSD หลังจากทดสอบระดับ 1.1800 และทำจุดสูงใหม่ของปี 2025 คู่เงินเริ่มเข้าสู่ช่วงพักฐาน (correction) จุดสูงสุดของปี 2021 ยังคงอยู่ไกลพอสมควร แต่หลังจากจบคลื่นปรับฐาน หากข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนออกมาดีขึ้น

Stochastic Oscillator รายสัปดาห์อยู่ในโซน Overbought (ใกล้ ~80) บ่งชี้ถึงแรงขายที่เริ่มแฝงตัวในมุมมองบางระยะ

ในฉากทัศน์ขาขึ้นนี้ คู่เงิน EURUSD จะยังคงปรับตัวขึ้นต่อไปจนถึงสิ้นปี 2025 และครึ่งแรกของปี 2026 แนวต้านอาจปรากฏรอบโซน 1.1800–1.2000 ใกล้ขอบบนของแนวโน้มขาขึ้นระยะยาว หากราคาสามารถสะสมและยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1.2000 ได้อย่างมั่นคง จะเป็นการยืนยันอย่างแข็งแรงของการสานต่อเทรนด์ขาขึ้น

เป้าหมายถัดไปในฉากทัศน์ขาขึ้นอยู่ที่ 1.2000 ตามด้วยช่วง 1.2250–1.2300 (ระดับที่เคยเห็นเมื่อต้นปี 2021) อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงว่าการไปถึงเป้าหมายระดับสูงเหล่านี้อาจถูกเลื่อนออกไปถึงช่วงกลางหรือปลายปี 2026 ขึ้นอยู่กับความเร็วของการเคลื่อนไหว ในกรอบเวลาที่สั้นกว่า เป้าหมายที่เป็นจริงได้มากกว่าในช่วงสิ้นปี 2025 อาจอยู่ที่ช่วง 1.2000–1.2200

ฉากทัศน์ขาขึ้นนี้จะถือเป็นโมฆะ หากคู่เงิน EURUSD กลับตัวลงและทะลุต่ำกว่าแนวรับสำคัญ เช่น 1.1200 บนกรอบรายสัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากราคาหลุดและปิดสัปดาห์ต่ำกว่า 1.1000 จะเป็นการลบโครงสร้าง “จุดต่ำยกสูง” (higher lows) ที่กำลังพัฒนา และส่งสัญญาณว่าฝั่งขายกลับมาควบคุมตลาดอีกครั้ง

โดยรวมแล้ว มุมมองขาขึ้นระยะยาวชี้ไปที่การแข็งค่าของ EURUSD แบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมีโอกาสเคลื่อนไหวไปยังช่วงกลาง 1.20 หรือสูงกว่าได้ภายในกลางปี 2026 หากปัจจัยพื้นฐาน (เช่น การผ่อนคลายนโยบายของ Fed และเสถียรภาพของยูโรโซน) สอดคล้องกับสัญญาณการเบรกเทรนด์ขึ้นจากมุมมองทางเทคนิค

การวิเคราะห์ทางเทคนิคของ EURUSD - 4
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

2. ฉากทัศน์ขาลง (Bearish scenario)

แม้จะมีการปรับขึ้นล่าสุด แต่แนวโน้มขาลงในภาพรวมอาจยังไม่จบ และความแข็งแรงของยูโรอาจเป็นเพียงการดีดตัวชั่วคราว ภายในฉากทัศน์ขาลงระยะยาว การปรับขึ้นในปัจจุบันของ EURUSD อาจมองเป็น “ขาขึ้นเพื่อปรับฐาน” ในกรอบแนวโน้มดอลลาร์แข็งค่าระยะหลายปี

บนกราฟรายสัปดาห์ EURUSD เคลื่อนตัวขึ้นมาพ้นกรอบ sideway ระยะหนึ่งปี (ราว 1.0500–1.1200) มุมมองขาลงจะตีความการเคลื่อนไหวนี้เป็นการ “หลุดขึ้นหลอก” (false breakout) หากราคายืนเหนือระดับที่ไปถึงไม่ได้ การกลับตัวลงจากโซน 1.1700–1.1800 – โดยเฉพาะหากเกิดพร้อมกับสัญญาณกลับตัวของอินดิเคเตอร์โมเมนตัม (เช่น การตัดลงของ Stochastic จากเขต overbought) – อาจเป็นจุดเริ่มต้นของคลื่นขาลงรอบใหม่

ในฉากทัศน์นี้ เมื่อแรงขายกลับมา คู่เงิน EURUSD อาจร่วงกลับเข้าสู่กรอบเดิม การดีดตัวลงจากบริเวณ 1.1800 อาจฉุดราคาลงสู่โซน 1.0800–1.0600 ก่อน หากหลุดโซนแนวรับ 1.0500–1.0600 จะเปิดทางให้กลับไปทดสอบพาริตีและต่ำกว่านั้น เป้าหมายฝั่งหมีรวมถึงระดับ 1.0000 (พาริตี) และบริเวณ 0.9500 ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคก่อนหน้านี้เคยชี้ระดับ 0.9530 เป็นแนวรับระยะยาวและเป็นเป้าหมายหากแนวโน้มขาลงยังดำเนินต่อ ซึ่งสอดคล้องกับแนวรับประวัติศาสตร์สำคัญ (จุดต่ำในปี 2001 และ 2022 ใกล้ 0.9500)

ในฉากทัศน์ขาลงที่รุนแรงมากขึ้น คู่เงิน EURUSD อาจร่วงกลับไปบริเวณ 0.9700 ในปี 2026 สัญญาณยืนยันสำคัญของฉากทัศน์นี้คือความล้มเหลวของยูโรในการทรงตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 สัปดาห์หรือ 200 สัปดาห์

ฉากทัศน์ขาลงนี้จะได้รับแรงหนุนเพิ่มเติม หากความเสี่ยงทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างเฉียบพลัน หรือเฟดคงท่าทีตึงตัว (hawkish) นานกว่า ECB อย่างมีนัยสำคัญ สัญญาณลักษณะคือการร่วงต่ำกว่า 1.0625 ตามด้วยการไม่สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไปเหนือระดับดังกล่าวได้ – ระดับนี้เคยทำหน้าที่เป็นขอบบนของกรอบเดิม – ซึ่งจะบ่งชี้ถึงการหลุดขึ้นหลอกและการกลับเข้าสู่แนวโน้มขาลง

การวิเคราะห์ทางเทคนิคของ EURUSD - 5
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

ท้ายที่สุด ฉากทัศน์ขาลงระยะยาวตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า การปรับขึ้นของยูโรในปัจจุบันจะหมดแรง และตามมาด้วยการร่วงลงที่อาจพา EURUSD กลับไปยังจุดต่ำสุดในรอบหลายปีแถว ~0.9500 โดยเฉพาะหากปัจจัยมหภาคกลับมาหนุนดอลลาร์อีกครั้ง

3. ฉากทัศน์แกว่งในกรอบ (Sideways scenario)

ฉากทัศน์ที่สามมองว่า EURUSD จะไม่สร้างแนวโน้มทิศทางที่ชัดเจนในระยะยาว แต่จะเคลื่อนไหวในกรอบกว้าง โดยเป็นการยืดความไม่แน่นอนที่ครองตลาดในช่วงส่วนใหญ่ของปี 2023–2024 ต่อไป แม้ว่ากรอบราคาอาจขยับเลื่อนไปบ้าง

หลังจากความผันผวนช่วงต้นปี 2025 คู่เงินเริ่มพยายามทรงตัวในกรอบ บนกราฟรายสัปดาห์ EURUSD อาจผันผวนระหว่างประมาณ 1.0500 ด้านล่าง และ 1.1800 ด้านบนเป็นระยะเวลานาน (ระดับเหล่านี้สอดคล้องกับโซนแนวรับและแนวต้านสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา) จริง ๆ แล้วการทะลุเหนือ 1.1200 ในปัจจุบันอาจกลายเป็นเพียงการหลุดขึ้นหลอก และราคากลับลงสู่กรอบเดิมอย่างรวดเร็ว ดังที่กล่าวไปแล้ว

ภายใต้ฉากทัศน์ sideway นี้ การสะสมกำลังรอบโซน 1.1000–1.1100 ที่เห็นในช่วงปลายปี 2024 และต้นปี 2025 อาจกลับมาเกิดขึ้นอีก แม้ว่าอาจจะขยับสูงขึ้นเล็กน้อย หากการแข็งค่าล่าสุดของยูโรยังคงอยู่บางส่วน ตัวอย่างเช่น EURUSD อาจเคลื่อนไหวในช่วง 1.1200–1.1800 ตลอดที่เหลือของปี 2025 ซึ่งเป็นกรอบกว้างราว 600 จุด โดยไม่มีแนวโน้มรายปีที่ชัดเจน

ภายในกรอบนี้ เทรดเดอร์อาจเห็นการกลับตัวบ่อยครั้ง: การขึ้นสู่ 1.1700–1.1800 จะเผชิญแรงขาย ขณะที่การลงสู่ 1.1000–1.1200 จะดึงดูดแรงซื้อ รูปแบบดังกล่าวอาจสะท้อนความสมดุลของปัจจัยต่าง ๆ (เช่น เฟดผ่อนคลายอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ยุโรปยังมีความท้าทายด้านการเติบโต) ซึ่งทำให้ EURUSD ไม่มีทิศทางระยะยาวที่ชัดเจน

ในมุมมองทางเทคนิค หาก Stochastic รายสัปดาห์แกว่งอยู่แถวจุดกึ่งกลาง (50) เป็นเวลานาน และราคากลับมาใกล้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 สัปดาห์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะเป็นการยืนยันฉากทัศน์ sideway นอกจากนี้ยังต้องการให้ขอบบนและขอบล่างของกรอบถูกทดสอบอย่างน้อยสองครั้ง (เพื่อสร้างแนวรับและแนวต้านที่ชัดเจน) เพื่อยืนยันฉากทัศน์กรอบราคา ตัวอย่างเช่น หาก EURUSD ถอยจากจุดสูงปัจจุบันลงไปสร้างจุดต่ำใกล้ 1.0800 จากนั้นในเวลาต่อมาขึ้นอีกครั้งไปใกล้ 1.1800 และกลับตัวลง ก็จะเป็นการกำหนดกรอบราคาได้ชัดเจน

เมื่อเวลาผ่านไป การสะสมกำลังในกรอบเช่นนี้อาจถูกมองว่าเป็นการเตรียมพลังของตลาดสำหรับการหลุดกรอบในปี 2026 หรือหลังจากนั้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปี 2025 ฉากทัศน์ sideway บ่งชี้ถึงสภาวะตลาดที่ผันผวนแต่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หมายความว่า EURUSD อาจปิดปี 2025 แถวช่วง 1.1400–1.1800

การวิเคราะห์ทางเทคนิคของ EURUSD - 6
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

แต่ละฉากทัศน์ของการคาดการณ์ EURUSD ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาราคาที่ระดับแนวรับและแนวต้านสำคัญ เทรดเดอร์จึงควรจับตาดูระดับเหล่านี้อย่างใกล้ชิด และใช้สัญญาณจากอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคในการประเมินพลวัตของตลาด

บนกราฟรายสัปดาห์ ควรให้ความสนใจกับแนวรับระยะยาว (บริเวณ 1.0500, 1.0000, 0.9500) และแนวต้าน (บริเวณ 1.1800, 1.2000, 1.2500) ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ตัวอย่างเช่น:

ระดับแนวรับและแนวต้านระยะยาว

แนวรับสำคัญ:

  • 1.0205: แนวรับที่ใกล้ที่สุดเหนือระดับสำคัญ หากราคาดีดขึ้นจากระดับนี้อาจชะลอแรงขายลงชั่วคราว และเปิดโอกาสให้ฝั่งซื้อดันราคาฟื้นตัวเพื่อปรับฐานขึ้น
  • 1.0065: แนวรับสำคัญ ซึ่งหากราคาลงมาถึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับตัวขึ้น หากหลุดต่ำกว่าระดับนี้ แรงขายจะรุนแรงขึ้น เปิดทางให้ราคาลงไปสู่ 0.9530
  • 0.9530: แนวรับที่ทำหน้าที่เป็นเป้าหมายระยะยาวของฝั่งหมี หากแนวโน้มขาลงได้รับการยืนยัน การหลุดลงต่ำกว่าระดับนี้จะบ่งชี้ถึงโมเมนตัมขาลงที่แข็งแกร่ง

แนวต้านสำคัญ:

  • 1.1800: แนวต้านสำคัญแรกบนเส้นทางของฝั่งซื้อ การยืนเหนือระดับนี้อย่างมั่นคงจะเพิ่มโอกาสในการปรับขึ้นต่อ
  • 1.2000: ระดับสำคัญที่การทดสอบอาจบ่งชี้ถึงการแข็งแกร่งของฝั่งซื้อ
  • 1.2200: ขอบบนของกรอบ sideway การทะลุขึ้นเหนือระดับนี้จะยืนยันแนวโน้มขาขึ้น การไปถึงระดับนี้จะเป็นการยืนยันสำคัญของการพัฒนาแนวโน้มขาขึ้น
     

การคาดการณ์ EURUSD ปี 2026 จากผู้เชี่ยวชาญ

การคาดการณ์ EURUSD สำหรับปี 2026 จากสถาบันการเงินชั้นนำช่วยให้เทรดเดอร์และนักลงทุนเข้าใจว่าดุลยภาพระหว่างเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยูโรโซนอาจเปลี่ยนไปอย่างไรในระยะยาว การคาดการณ์เหล่านี้มักตั้งอยู่บนสมมติฐานเกี่ยวกับการเติบโตของ GDP เงินเฟ้อ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย และเส้นทางของความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ–สหภาพยุโรป ด้านล่างเป็นมุมมองของผู้เล่นรายใหญ่จากภาครัฐและเอกชนว่าราคา EURUSD อาจอยู่ที่ใดในปี 2026 (โปรดทราบว่านี่คือการคาดการณ์ ณ ช่วงปลายปี 2025 และอาจถูกปรับปรุงเมื่อมีข้อมูลใหม่)

  • ธนาคารกลางยุโรป (ECB): ในประมาณการมหภาคของเจ้าหน้าที่ ECB เดือนกันยายน 2025 สมมติฐานทางเทคนิคตั้งสมมติฐานว่าอัตราแลกเปลี่ยน USD/EUR จะทรงตัวแถว 1.16 ทั้งในปี 2026 และ 2027 ซึ่งหมายถึงระดับเฉลี่ยของ EURUSD ใกล้ 1.16 ตลอดช่วงเวลาคาดการณ์ การคาดการณ์นี้สะท้อนการแข็งค่าปานกลางของยูโรเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และสอดคล้องกับการเติบโตของ GDP ยูโรโซนราว 1.0% ในปี 2026 และเงินเฟ้อ HICP ใกล้ (แต่ต่ำกว่าเล็กน้อย) เป้าหมาย 2%
  • INGในรายงาน “FX Outlook 2026” ING ให้เหตุผลว่า เฟสดอลลาร์แข็งแกร่งในปี 2025 ไม่น่าจะกลับมารุนแรงอีกครั้ง และการฟื้นตัวทีละน้อยของยูโรโซน ราคาพลังงานที่ต่ำลง และอัตราดอกเบี้ย Fed ที่ขยับสู่ระดับสมดุล 3.00–3.25% ควรเอื้อต่อการอ่อนค่าบางส่วนของดอลลาร์ ING ประเมินว่า “มูลค่ายุติธรรม” ของ EURUSD จะขยับจากย่าน 1.15 สู่ 1.20 และคาดการณ์ค่า EURUSD ที่ 1.21 ในไตรมาส 4 ปี 2026 และราว 1.22 ในช่วง 12 เดือนถัดไป นี่เป็นฉากทัศน์เชิงบวกอย่างชัดเจนต่อยูโร แต่ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าจะไม่มีช็อกทางการเมืองครั้งใหญ่ทั้งในยูโรโซนหรือสหรัฐฯ
  • Scotia Bank: ตารางคาดการณ์ค่าเงินของ Scotiabank แสดงค่า EURUSD ที่ 1.18 ภายในสิ้นปี 2025 และ 1.22 ภายในสิ้นปี 2026 ฉากทัศน์ฐานของพวกเขาคาดว่าค่าเงินยูโรจะค่อย ๆ แข็งค่าขึ้น เมื่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ และยูโรโซนแคบลง และบรรยากาศความเสี่ยงทั่วโลกโดยรวมยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ดี พวกเขาเน้นว่าการเดินทางอาจไม่เป็นเส้นตรง – ช่วงของความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นหรือความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ–EU รอบใหม่อาจหนุนค่าเงินดอลลาร์ชั่วคราวและจำกัดการปรับขึ้นของ EURUSD
  • Wells Fargo: มุมมอง “2026 Annual Economic Outlook” ของ Wells Fargo รวมตารางอัตราแลกเปลี่ยนที่บ่งชี้ค่า EURUSD ที่สูงขึ้นอย่างปานกลางแต่ยังอยู่ในกรอบในปี 2026 เส้นทางที่คาดการณ์คือ EURUSD ที่ 1.17 ในไตรมาส 4 ปี 2025 ปรับขึ้นสู่ 1.18 ในไตรมาส 1 ปี 2026 และ 1.19 ในไตรมาส 2 ปี 2026 จากนั้นอ่อนตัวกลับสู่ 1.18 ในไตรมาส 3 และ 1.17 ในไตรมาส 4 ปี 2026 โปรไฟล์นี้สะท้อนถึงจุดสูงสุดกลางปี ตามด้วยการฟื้นตัวของดอลลาร์เล็กน้อยเมื่อเฟดยุติวงจรการผ่อนคลายและอัตราผลตอบแทนสหรัฐฯ ทรงตัว
  • Erste Group: มุมมอง EURUSD ระยะกลางของ Erste Group ตามสรุปงานวิจัยที่เผยแพร่สู่สาธารณะเน้นถึงความผันผวนและความเสี่ยงที่ยูโรอาจอ่อนค่าลงอย่างลึกซึ้งก่อนจะฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้น ในฉากทัศน์ที่อ้างถึงอย่างแพร่หลาย Erste เตือนว่า EURUSD อาจร่วงลงใกล้พาริตี (หรือต่ำกว่านั้นเล็กน้อย) ในช่วงที่ยูโรโซนเผชิญแรงกดดันสูงและนโยบายแตกต่างกันมาก ก่อนที่จะฟื้นตัวอย่างเด่นชัดกลับสู่โซน 1.20–1.25 ในปีต่อ ๆ มาเมื่อการเติบโตของสหรัฐฯ ชะลอลงและสภาวะในยูโรโซนกลับสู่ภาวะปกติ แม้จะไม่ได้ระบุระดับเฉพาะสำหรับสิ้นปี 2026 แต่ฉากทัศน์นี้เน้นให้เห็นว่าแรงร่วงของ EURUSD รอบใหม่ยังเป็นไปได้ แม้ในกรอบเรื่องราวที่มองยูโรในเชิงบวกในระยะกลาง

โดยรวมแล้ว การคาดการณ์จากสถาบันต่าง ๆ สำหรับปี 2026 อยู่ในช่วงค่อนข้างแคบ โดยฉากทัศน์ฐานส่วนใหญ่คาดให้ EURUSD อยู่ระหว่างราว 1.15 ถึง 1.22 ในช่วงปลายปี 2026 สมมติฐานเชิงเทคนิคของ ECB และการคาดการณ์ของ Wells Fargo ชี้ถึงยูโรที่ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่ ING และ Scotiabank คาดยูโรแข็งค่าชัดเจนกว่าจนเหนือ 1.20 ในเวลาเดียวกัน ฉากทัศน์ของ Erste และมุมมองเชิงลบจากบางสำนักชี้ว่าโอกาสที่ยูโรจะอ่อนค่าลงรุนแรง – จนถึงระดับพาริตี – ยังไม่อาจตัดทิ้งได้ สำหรับเทรดเดอร์ การกระจายของมุมมองเหล่านี้สะท้อนทั้งมุมมองเชิงบวกต่อยูโรในระยะกลางและความไม่แน่นอนสูงเกี่ยวกับเส้นทางที่คู่เงินจะเดินไป

ตารางสรุปการคาดการณ์ EURUSD ปี 2026 จากสถาบันชั้นนำ

สถาบันการคาดการณ์ EURUSD ปี 2026มุมมอง
ECB~1.16สถานการณ์ทรงตัว เป็นกลาง; เงินยูโรมีแนวโน้มแข็งค่าปานกลางเมื่อเงินเฟ้อเข้าใกล้เป้าหมาย
ING1.21 by Q4 2026มุมมองกระทิงต่อเงินยูโร; คาดว่า USD จะอ่อนค่าลงเมื่อ Fed เคลื่อนไปสู่ท่าทีเป็นกลาง
Scotia Bank1.22 by end-2026เงินยูโรแข็งค่าขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป; บรรยากาศความเสี่ยงเป็นบวก; ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยแคบลง
Wells Fargo1.17–1.19เคลื่อนไหวในกรอบ; USD อาจฟื้นตัวเล็กน้อยในช่วงปลายปี
Erste Group1.20–1.25ความผันผวนสูง; เงินยูโรอาจอ่อนค่าลงเป็นช่วง ๆ ก่อนฟื้นตัวในระยะยาว

การคาดการณ์ EURUSD ปี 2026 จาก AI

นอกเหนือจากการคาดการณ์จากบริษัทการเงินและธนาคารขนาดใหญ่แล้ว อัลกอริทึมที่ใช้ AI ยังถูกใช้มากขึ้นในการสร้างการคาดการณ์ EURUSD แบบจำลองเหล่านี้ใช้เทคนิค machine learning ขั้นสูง เซตข้อมูลในอดีตขนาดใหญ่ และการตรวจจับรูปแบบเพื่อสร้างประมาณการ แม้ปัญญาประดิษฐ์จะไม่สามารถนำเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ช็อกทางภูมิรัฐศาสตร์หรือการตัดสินใจเชิงนโยบายที่ไม่คาดคิด เข้าไปคำนวณได้ทั้งหมด แต่ก็ให้มุมมองเชิงข้อมูล (data-driven) สำหรับแนวโน้มในอนาคต ด้านล่างคือการคาดการณ์ EURUSD สำหรับปี 2026 จากแพลตฟอร์ม AI ชั้นนำหลายแห่ง สะท้อนช่วงผลลัพธ์ที่หลากหลาย

  •  Wallet Investor ให้การคาดการณ์ที่ค่อนข้างกล้า โดยชี้ว่า EURUSD อาจแสดงการเติบโตในระยะยาว คาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยน Forex สำหรับเดือนธันวาคม 2026 ที่ 1.1760
  • Coin Index มีมุมมองเชิงลบต่อยูโรมากกว่าสำหรับปี 2026 ตามการคาดการณ์ของ AI แพลตฟอร์มนี้ ระบุว่าภายในสิ้นปี 2026 อัตรา EURUSD จะอยู่ใกล้ 1.1800
  • Long Forecast แสดงฉากทัศน์เชิงบวกมากกว่า โดยคาดว่าอัตรา EURUSD จะอยู่ในช่วง 1.1500–1.2100 ภายในสิ้นปี 2026 โดยได้รับอิทธิพลจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งและอัตราดอกเบี้ยที่สูง
  • Panda Forecast นำเสนอฉากทัศน์ที่ไม่ค่อยสดใส โดยคาดว่า EURUSD จะอ่อนค่าลงไปยังบริเวณ 1.0100–1.0600 ภายในสิ้นปี 2026 แพลตฟอร์มนี้ใช้ข้อมูลตัวชี้วัดมหภาค เช่น เงินเฟ้อ การเติบโตของ GDP และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเป็นฐานของมุมมอง

การคาดการณ์ EURUSD ระยะยาวจากผู้เชี่ยวชาญสำหรับปี 2027

By 2027, the EURUSD pair will be shaped mostly by structural economic trends, normalized interest-rate policies, and broader global risk sentiment. Below are the updated long-term forecasts for 2027 from leading financial institutions.

  • ประมาณการล่าสุดของ ECB คาดว่าอัตรา USD/EUR จะทรงตัวใกล้ระดับ 1.16 ไปจนถึงปี 2027 ซึ่งหมายถึงคู่เงิน EURUSD ใกล้ระดับ 1.16 แนวโน้มดังกล่าวบ่งชี้ว่ายูโรอาจเคลื่อนไหวอย่างค่อนข้างทรงตัว หากเงินเฟ้อกลับสู่ระดับเป้าหมายและการเติบโตของยูโรโซนยังคงอยู่ในระดับปานกลาง
  • ING คาดว่าการฟื้นตัวของเงินยูโรจะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2027 เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยแคบลง และเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวเมื่อเทียบกับยุโรป แบบจำลองของพวกเขาคาดว่า EURUSD จะอยู่ในช่วง 1.22–1.24 ภายในปลายปี 2027
  • มุมมองระยะยาวของ Scotiabank ยังคงเป็นบวกต่อยูโร โดยอิงจากคาดการณ์ปี 2026 ที่ 1.22 พวกเขาคาดว่า EURUSD จะขยับขึ้นมาที่ประมาณ 1.23–1.25 ในปี 2027 ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลงจากทั้งสองธนาคารกลาง
  • Wells Fargo ยังคงระมัดระวัง โดยมองว่าศักยภาพขาขึ้นของยูโรมีจำกัด และคาดว่าความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐจะยังคงอยู่ในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนระดับโลก คาดการณ์ปี 2027 ระบุว่า EURUSD จะอยู่ใกล้ระดับ 1.15–1.17 ใกล้ค่าเฉลี่ยระยะยาว
  • Erste คาดว่า EURUSD จะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways พร้อมการแข็งค่าปานกลาง เนื่องจากเศรษฐกิจยูโรโซนค่อย ๆ ฟื้นตัว แบบจำลองระบุว่าคู่เงินจะอยู่ใกล้ช่วง 1.17–1.18 ตลอดปี 2027 หากไม่มีความเสี่ยงทางการเมืองหรือการคลังครั้งใหญ่

การคาดการณ์ EURUSD ระยะยาวจาก AI ปี 2027

สถาบันการคาดการณ์ EURUSD ปี 2027มุมมอง
ECB~1.16สถานการณ์ทรงตัว เป็นกลาง
ING1.22–1.24มุมมองเชิงบวกต่อเงินยูโร / เงินยูโรมีแนวโน้มแข็งค่า
Scotia Bank1.23–1.25มุมมองเชิงบวกต่อเงินยูโร / เงินยูโรมีแนวโน้มแข็งค่า
Wells Fargo1.15–1.17ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย
Erste Group1.17–1.18เคลื่อนไหวในกรอบ พร้อมการแข็งค่าปานกลางของเงินยูโร

การคาดการณ์ EURUSD ระยะยาวจาก AI ปี 2027

โมเดลที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ให้มุมมองเฉพาะตัวเกี่ยวกับการคาดการณ์ระยะยาวของคู่สกุลเงิน EURUSD โดยใช้พลังการประมวลผลเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต แนวโน้มทางเศรษฐกิจมหภาค และรูปแบบทางเทคนิค แม้ว่าโมเดลเหล่านี้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงความคลาดเคลื่อนโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ เช่น วิกฤตทางภูมิรัฐศาสตร์หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบาย แต่ก็ยังช่วยให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลสำหรับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในปี 2027 ด้านล่างคือการคาดการณ์ EURUSD ปี 2027 จากแพลตฟอร์มชั้นนำต่าง ๆ

Wallet Investor

โมเดล AI ของ Wallet Investor คาดการณ์การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับยูโรอย่างต่อเนื่องในปี 2027

แนวโน้มปี 2027: Wallet Investor คาดว่าทิศทางของ EURUSD จะดำเนินต่อไปในปี 2027 โดยประเมินว่าคู่สกุลเงินจะเริ่มต้นปีที่ระดับ 1.1720 และปิดปีที่ 1.1790

Coin Index

โมเดลของ Coin Index นำเสนอการคาดการณ์ระยะยาวที่เชิงรุกกว่า โดยคาดว่า EURUSD จะเริ่มแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นปี 2027

แนวโน้มปี 2027: การคาดการณ์ในอีกห้าปีข้างหน้าระบุว่า EURUSD จะปรับขึ้นไปถึงระดับ 1.2300 ภายในห้าปี

Long Forecast

โมเดล Long Forecast ให้ภาพรวมเชิงบวกในระดับปานกลางต่อ EURUSD โดยมีการแกว่งตัวเล็กน้อย ระบุว่าดอลลาร์สหรัฐยังคงความแข็งแกร่งจากสถานะสกุลเงินสำรองโลกและความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างไรก็ตาม โมเดลยังคำนึงถึงกรณีที่ดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรด้วย

แนวโน้มปี 2027: โมเดลคาดว่า EURUSD จะเคลื่อนไหวในระดับปานกลาง โดยเริ่มต้นปีที่ 1.1760 และสิ้นสุดปีที่ระดับเดียวกัน คือ 1.1760

Panda Forecast

โมเดล Panda Forecast ให้ภาพรวมที่เป็นบวกมากกว่าเกี่ยวกับยูโร โดยคาดว่าจะแข็งค่าระยะยาว

แนวโน้มปี 2027: โมเดลคาดการณ์ว่า EURUSD จะยังคงเคลื่อนไหวต่อไปในปี 2027 โดยราคาอยู่ที่ 1.0847 เมื่อต้นปี และอ่อนลงสู่ระดับ 1.0127 เมื่อสิ้นปี

สรุปภาพรวมการคาดการณ์ระยะยาวโดย AI

ความเสี่ยงและข้อควรพิจารณา

ในการพัฒนาการคาดการณ์ EURUSD ระยะหลายปี จำเป็นต้องพิจารณาความเสี่ยงและปัจจัยหลายประการที่อาจส่งผลต่อความแม่นยำของการคาดการณ์ แม้ว่าความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญของบริษัทการเงินและธนาคารชั้นนำ รวมถึงโมเดลที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่า แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอาจเปลี่ยนทิศทางของคู่สกุลเงินนี้ได้อย่างมาก ด้านล่างนี้คือความเสี่ยงและข้อควรพิจารณาโดยทั่วไปเมื่อประเมินแนวโน้มของ EURUSD สำหรับปี 2026–2027

1. ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์

ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ถือเป็นปัจจัยที่คาดเดาได้ยากที่สุดในการเคลื่อนไหวของตลาดเงิน เหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น ความผันผวนทางการเมือง สงครามการค้า และความขัดแย้งในภูมิภาคสำคัญ สามารถขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน และเพิ่มความผันผวนของ EURUSD

2. ความแตกต่างของนโยบายการเงิน

นโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของ EURUSD อย่างไรก็ตาม นโยบายเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ อัตราเงินเฟ้อ และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ หาก ECB มีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น ขณะที่ Fed คงท่าทีเข้มงวด ราคาคู่สกุลเงิน EURUSD อาจปรับตัวลง

3. แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ

เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องยังเป็นความท้าทายสำหรับยูโรโซนและสหรัฐ แม้ว่าเงินเฟ้อจะเริ่มเข้าใกล้ระดับเป้าหมายของธนาคารกลาง หากแรงกดดันเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ธนาคารกลางอาจต้องดำเนินมาตรการเข้มงวด เช่น การปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของ EURUSD หากเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นอย่างไม่คาดคิด โดยเฉพาะในยูโรโซน ECB อาจต้องคุมเข้มนโยบายการเงินมากกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งอาจทำให้ EURUSD อ่อนค่าลงได้อย่างรวดเร็ว

4. การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจากภาวะถดถอย ปัญหาในห่วงโซ่อุปทาน หรือการชะลอตัวของเศรษฐกิจหลัก เช่น จีน อาจส่งผลกระทบทั้งต่อยูโรโซนและสหรัฐ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกอาจเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย

5. วิกฤตพลังงานและปัญหาห่วงโซ่อุปทาน

ความพึ่งพิงของยูโรโซนต่อแหล่งพลังงานภายนอกทำให้เปราะบางต่อความเสี่ยงด้านพลังงานและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน หากวิกฤตพลังงานรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความไม่สมดุลในตลาด อาจส่งผลลบต่อค่าเงินยูโร ราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นหรือการขาดแคลนอาจบั่นทอนเศรษฐกิจของยูโรโซน นำไปสู่การอ่อนค่าของ EURUSD

6. การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการผสาน AI

การบูรณาการโมเดล AI เข้ากับการคาดการณ์และการซื้อขายทางการเงินมากขึ้น อาจทำให้ตลาดตอบสนองในรูปแบบใหม่ที่ไม่คาดคิด แม้ว่า AI จะช่วยตรวจจับรูปแบบและแนวโน้มได้ดี แต่ผลกระทบต่อกระบวนการตัดสินใจของผู้เล่นในตลาดอาจนำไปสู่ความผันผวนที่สูงขึ้น หากมีการตอบสนองต่อสัญญาณจาก AI พร้อมกันในวงกว้าง

บทสรุป

คู่สกุลเงิน EURUSD อาจมีความผันผวนอย่างมากในช่วงปลายปี 2025 และตลอดปี 2026 ส่งผลให้ทั้งแนวโน้มขาขึ้นและขาลงสามารถเกิดขึ้นได้ ปัจจัยสำคัญที่มีบทบาทกำหนดทิศทาง ได้แก่ นโยบายการเงิน ความคาดหวังเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

ผู้เชี่ยวชาญอย่าง ECB และ Wells Fargo คาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยนใกล้ 1.1000 ขณะที่ Erste Group มองที่ 1.1700 ซึ่งสะท้อนความผันผวนของยูโร ขณะเดียวกัน ING คาดว่าคู่เงินจะขึ้นไปสู่ระดับ 1.2000 โมเดล AI มีความแตกต่างมากยิ่งขึ้น: Coin Index คาดการณ์การเติบโตเหนือ 1.1800, Long Forecast มองที่ 1.2100 ปลายปี 2026 และ Panda Forecast คาดการปรับลงสู่ระดับ 1.0400

การวิเคราะห์เชิงเทคนิคของ EURUSD สำหรับปี 2026 ในกรณีเชิงบวก คาดว่าราคาจะขึ้นสู่ช่วง 1.1800–1.2200 หากเศรษฐกิจยูโรโซนมีเสถียรภาพและสัญญาณทางเทคนิคยืนยันการกลับตัว ในกรณีเชิงลบ ราคามีโอกาสลงสู่ช่วง 0.9500–1.0000 จากความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐและความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ หรืออาจเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์ในกรอบ 1.1400–1.1800 ตามสมดุลของปัจจัยเศรษฐกิจหลัก

ผลการเคลื่อนไหวของ EURUSD ในปี 2026 จะขึ้นอยู่กับนโยบายการเงินของธนาคารกลาง แนวโน้มเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐและยูโรโซน รวมถึงเงื่อนไขมหภาคระดับโลก ตามการคาดการณ์ของ ECB สำหรับปี 2026 EURUSD มีแนวโน้มเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 1.1000

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

คุณสามารถดูราคา EUR/USD ปัจจุบันได้จากกราฟราคา EURUSD แบบเรียลไทม์

ขณะนี้คู่เงิน EURUSD เคลื่อนไหวในกรอบไซด์เวย์ระหว่าง 1.1400–1.1800 หากราคาทะลุแนวต้าน 1.1800 จะส่งสัญญาณโมเมนตัมขาขึ้นต่อเนื่อง โดยมีโอกาสทดสอบระดับ 1.2200 ในกรณีขาลง ราคามีแนวโน้มปรับลงสู่ 1.0800 หรือ 1.0550

การตัดสินใจซื้อหรือขายขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเทรด ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และการวิเคราะห์ตลาดของคุณ เทรดเดอร์มักพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน เช่น ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ข้อมูลเงินเฟ้อ และสภาวะเศรษฐกิจโลก รวมทั้งใช้ปัจจัยทางเทคนิค เช่น แนวโน้ม ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และการวิเคราะห์ Sentiment การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหรือการวิเคราะห์ด้วยตนเองอย่างรอบคอบเป็นสิ่งที่ควรทำก่อนตัดสินใจ

การคาดการณ์สำหรับปี 2025 มีความแตกต่างกันมากตามรูปแบบการวิเคราะห์ สถาบันเศรษฐกิจอย่าง ECB คาดอัตราใกล้ 1.1000 ขณะที่ ING ประเมิน 1.2000 Erste Group มองที่ 1.1600 Scotia Bank มอง 1.2200 และ Wells Fargo คาดที่ 1.1700 โมเดล AI ให้ช่วงกว้างยิ่งขึ้น เช่น Panda Forecast คาดราคาลงสู่ 1.0400–1.1400 Wallet Investor มอง 1.1600 ส่วน Coin Index และ Long Forecast คาดที่ 1.1800 และ 1.2100 ตามลำดับ

เปิดบัญชีเทรดหรือใช้บัญชีเดโมเพื่อฝึกเลือกคู่เงิน EURUSD วิเคราะห์ตลาดด้วยข้อมูลพื้นฐานและเทคนิค ตัดสินใจว่าจะซื้อหรือขายตามมุมมองของคุณ ตั้งค่า Stop-loss และ Take-profit เพื่อจัดการความเสี่ยง หลังจากเปิดออเดอร์แล้วให้ติดตามอย่างใกล้ชิดและปรับตามความเคลื่อนไหวของตลาด

การคาดการณ์จาก AI ได้รับความนิยมจากความก้าวหน้าของ Machine Learning โมเดลเหล่านี้วิเคราะห์ข้อมูลในอดีตและแนวโน้มตลาดเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่า อย่างไรก็ตามไม่ได้แม่นยำ 100% และควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์รูปแบบอื่น เนื่องจากอาจรับมือเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น วิกฤตภูมิรัฐศาสตร์หรือการเปลี่ยนนโยบายกะทันหันได้ไม่ดีนัก

ข่าวมีผลอย่างมากต่อราคาของ EURUSD รายงานเศรษฐกิจ เช่น GDP การว่างงาน เงินเฟ้อจากยูโรโซนและสหรัฐ รวมถึงการตัดสินใจด้านดอกเบี้ยของธนาคารกลาง สามารถทำให้ราคาผันผวนอย่างรุนแรง เหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ เช่น การเลือกตั้งหรือข้อตกลงการค้า ก็มีผลต่อการคาดการณ์เช่นกัน เทรดเดอร์ควรติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอเพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม

โปรดทราบ!

การคาดการณ์ที่นำเสนอในส่วนนี้จะสะท้อนให้เห็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้แต่งเท่านั้น และจะไม่สามารถถูกพิจารณาว่าเป็นแนวทางสำหรับการซื้อขาย RoboForex ไม่รับผิดชอบสำหรับผลลัพธ์การซื้อขายที่อ้างอิงตามคำแนะนำการซื้อขายที่อธิบายเอาไว้ในบทวิจารณ์การวิเคราะห์เหล่านี้