รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2025 ของ The Walt Disney Company (NYSE: DIS) ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งของรายได้และกำไรซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เท่านั้น แต่ยังเผยถึงการลดลงของจำนวนสมาชิก Disney+ จำนวน 700,000 รายอีกด้วย ส่งผลให้ราคาหุ้นในช่วงแรกปรับตัวสูงขึ้นหลังการเผยแพร่รายงาน แต่สุดท้ายแล้วปิดตลาดลดลง 2.5%
บทความนี้จะกล่าวถึง The Walt Disney Company และโมเดลธุรกิจของบริษัท พร้อมทั้งนำเสนอการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของรายงานทางการเงินของ Disney นอกจากนี้ยังรวมถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิคของหุ้น Walt Disney เพื่อประเมินประสิทธิภาพในปัจจุบัน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการคาดการณ์ราคาหุ้น DIS ในเดือนธันวาคม 2024 และตลอดทั้งปี 2025
The Walt Disney Company เป็นหนึ่งในบริษัทสื่อและความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 1923 โดยสองพี่น้อง Walter และ Roy Disney บริษัทมีชื่อเสียงในด้านภาพยนตร์คนแสดง (Live-Action) และภาพยนตร์การ์ตูนอนิเมชัน รวมถึงผลงานอันโดดเด่นอย่าง ‘Snow White and the Seven Dwarfs’ พอร์ตโฟลิโอของ Disney ประกอบด้วย Lucasfilm, Marvel Studios, Pixar และ 20th Century Studios นอกจากการผลิตภาพยนตร์แล้ว Disney ยังดำเนินกิจการสวนสนุกและรีสอร์ททั่วโลก เช่น Disney World และ Disneyland รวมถึงแพร่ภาพผ่านสถานีโทรทัศน์ ABC, ESPN และ National Geographic ในปี 2019 บริษัทเปิดตัวบริการสตรีมมิง Disney+ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมผลิตและให้อนุญาตสินค้าหลากหลายรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับแฟรนไชส์ยอดนิยมของบริษัท Disney เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 1957 โดยใช้สัญลักษณ์ DIS
รายได้ของ Walt Disney มาจากหลายแหล่งที่สำคัญ ครอบคลุมการดำเนินงานที่หลากหลายด้านสื่อและความบันเทิง ส่วนธุรกิจที่สร้างรายได้หลักของ Disney มีดังนี้:
ในรายงานทางการเงิน Disney จัดแบ่งรายได้ทั้งหมดออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่:
จุดแข็งของ Walt Disney:
จุดอ่อนของธุรกิจ Walt Disney:
คู่แข่งหลักของ Disney ได้แก่ Amazon.com, Inc. (NASDAQ: AMZN), Apple Inc. (NASDAQ: AAPL), Comcast Corporation (NASDAQ: CMCSA), NBCUniversal, Netflix, Inc. (NASDAQ: NFLX), Paramount Global (NASDAQ: PARA), Sony Pictures, และ Warner Bros. Discovery, Inc. (NYSE: WBD) โดยแต่ละบริษัทมีความเป็นผู้นำในส่วนธุรกิจเฉพาะ (เช่น Netflix ในด้านสตรีมมิง, Universal Studios ในด้านสวนสนุก, และ Warner Bros. Discovery ในด้านการผลิตคอนเทนต์ภาพยนตร์และโทรทัศน์) อย่างไรก็ตาม การผสานกันระหว่างแผนกธุรกิจที่หลากหลายของ Disney ขนาดองค์กร และแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ทำให้บริษัทได้เปรียบอย่างมากเหนือคู่แข่ง
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน The Walt Disney Company ได้เผยแพร่รายงานสำหรับไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2024 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 28 กันยายน โดยมีข้อมูลสำคัญดังนี้:
Revenue by segment:
Segment operating income:
ตัวชี้วัดทุกประการ (ยกเว้นกำไรสุทธิ) แสดงการเติบโต ฝ่ายบริหารของบริษัทชี้ว่าการลดลงของกำไรสุทธิมาจากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้านการผลิตคอนเทนต์และการตลาด รวมถึงต้นทุนที่สูงขึ้นในการพัฒนาบริการสตรีมมิง (Disney+, Hulu)
บริษัทยังคาดว่าตัวชี้วัดทางการเงินหลักจะยังคงเติบโตในปี 2025 แต่อาจมีการลดลงของจำนวนสมาชิก Disney+ ใหม่ในไตรมาสที่ 1 ปี 2025 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2024
Disney มีแผนซื้อหุ้นคืน (Share Buyback) มูลค่า 3.00 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจ่ายเงินปันผลในปีนี้ โดยเงินปันผลจะเพิ่มขึ้น 33% เป็น 0.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น และจะจ่ายเป็น 2 งวดในเดือนมกราคมและกรกฎาคม 2025
สำหรับปี 2026 Walt Disney คาดการณ์ว่าการเติบโตในแผนก Sports จะชะลอตัวลงเป็นเลขหลักเดียวระดับสูง (Significant Single-Digit) ขณะที่แผนก Experiences จะเติบโตเลขหลักเดียว และแผนก Entertainment จะเติบโตเลขสองหลัก (Double-Digit)
จากการคาดการณ์ปี 2025-2026 ของบริษัท ตัวชี้วัดทางการเงินหลักน่าจะเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งควรส่งผลบวกต่อการจ่ายเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน สุดท้ายแล้วอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ The Walt Disney Company ได้เผยแพร่รายงานประจำไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2025 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2024 โดยมีข้อมูลสำคัญดังนี้:
รายได้แยกตามส่วนธุรกิจ:
กำไรจากการดำเนินงานแยกตามส่วนธุรกิจ:
ซีอีโอ Robert Alan Iger เน้นย้ำว่า บริษัทเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ได้อย่างแข็งแกร่งและแสดงความเชื่อมั่นในกลยุทธ์การเติบโต โดยเขาได้กล่าวถึงความสำเร็จที่โดดเด่นในบริการสตรีมมิง รวมถึงการผสาน ESPN เข้ากับ Disney+ และประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในกลุ่มสวนสนุกและรีสอร์ท
สำหรับอนาคต Disney คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ปรับปรุงแล้วจะอยู่ในระดับเลขหลักเดียวสูง (High-Single-Digit) เมื่อเทียบกับปี 2024 นอกจากนี้ บริษัทคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานในกลุ่มสตรีมมิง (Disney+, Hulu, ESPN+) จะเพิ่มขึ้นประมาณ 875 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2025 ดังที่เคยคาดไว้ Disney วางแผนจัดสรรเงิน 3.00 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการซื้อหุ้นคืน
แม้ว่า The Walt Disney Company จะมีรายได้และกำไรที่สูงกว่าคาดการณ์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2025 แต่ราคาหุ้นกลับปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อสิ้นสุดช่วงการซื้อขายในวันที่รายงานเผยแพร่ออกมา สาเหตุหลักมาจากการลดลงของจำนวนสมาชิก Disney+ จำนวน 700,000 ราย ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการเติบโตต่อไปในภาคสตรีมมิง นอกจากนี้ บริษัทได้เตือนว่าอาจมีการลดลงของจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 2 เนื่องจากการปรับขึ้นราคาเมื่อไม่นานมานี้ ยิ่งตอกย้ำความเชิงลบในตลาด
ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดแนะนำให้ขายหุ้น Walt Disney
ราคาหุ้น Disney เริ่มปรับตัวลดลงตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 จากระดับ 200 USD และหยุดลงในเดือนตุลาคม 2023 ที่ 80 USD ก่อนหน้านี้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 เมื่อมีมาตรการล็อกดาวน์และการปิดพรมแดนจากรัฐบาล ทำให้การเข้าชมสวนสนุก Disney ลดลงอย่างรุนแรง หุ้นเคยร่วงจาก 150 USD มาที่แนวรับ 80 USD แนวรับดังกล่าวยังคงเป็นจุดสำคัญที่นักลงทุนให้ความสนใจในการเข้าซื้อหุ้น ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายอยู่ราวๆ 110 USD และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดรูปแบบสามเหลี่ยม (Triangle) ในกราฟ เมื่อพิจารณาจากประสิทธิภาพราคาหุ้น The Walt Disney Company แนวโน้มราคาที่อาจเกิดขึ้นในปี 2025 มีดังนี้
การลงทุนในหุ้น Walt Disney อาจน่าดึงดูดเนื่องจากความแข็งแกร่งของแบรนด์และโมเดลธุรกิจที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงบางประการที่นักลงทุนควรพิจารณา:
หุ้นของ Disney อาจให้โอกาสในการเติบโตระยะยาวที่น่าสนใจสำหรับผู้ถือหุ้น โดยเฉพาะหากธุรกิจสตรีมมิงประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงข้างต้นและกระจายพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสม
จากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2025 The Walt Disney Company ได้แสดงถึงความแข็งแกร่งและความก้าวหน้าเชิงกลยุทธ์ โดยยังคงตอกย้ำสถานะความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบันเทิง อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายบางประการ แม้ว่าบริษัทจะมีผลงานที่แข็งแกร่งในส่วนธุรกิจสำคัญ เช่น สตรีมมิงและสวนสนุก จำนวนสมาชิก Disney+ ที่ลดลงสะท้อนถึงความยากลำบากในการรักษาฐานผู้ชมท่ามกลางราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นและการแข่งขันที่เข้มข้น อีกหนึ่งความท้าทายคือปัจจัยมหภาค ได้แก่ ภาวะเงินเฟ้อและแนวโน้มด้านการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลต่อจำนวนผู้เยี่ยมชมสวนสนุกและค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม แม้ในสภาวะเช่นนี้ Disney ยังมีศักยภาพอย่างมากที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจหลัก หนึ่งในโอกาสสำคัญของบริษัทคือการปรับปรุงความสามารถในการทำกำไรของบริการสตรีมมิง (Streaming) โดยการเน้นการปรับราคาให้เหมาะสม การนำเสนอแพ็กเกจแบบรวม (Disney+, Hulu, ESPN) และการลดต้นทุน อาจช่วยเพิ่มอัตรากำไรพร้อมกับรักษาฐานสมาชิกได้ การผสานการถ่ายทอดสดกีฬาเข้ากับเนื้อหาสตรีมมิงอย่างมีประสิทธิภาพอาจยิ่งกระตุ้นให้ผู้ชมมีส่วนร่วมมากขึ้นและดึงดูดผู้ใช้ใหม่ๆ
อีกปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญคือสวนสนุกและความบันเทิง ซึ่งเป็นรากฐานของธุรกิจ Disney การลงทุนในเครื่องเล่นใหม่ๆ การขยายสวนสนุก และสายเรือสำราญจะสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออุปสงค์ด้านการท่องเที่ยวทั่วโลกเริ่มมีเสถียรภาพ
หาก Disney รักษาระเบียบวินัยทางการเงินไปพร้อมกับการลงทุนในคอนเทนต์และประสบการณ์ต่างๆ บริษัทอาจเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะทำให้ปี 2025 เป็นปีที่ประสบความสำเร็จสำหรับบริษัท
การคาดการณ์ที่นำเสนอในส่วนนี้จะสะท้อนให้เห็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้แต่งเท่านั้น และจะไม่สามารถถูกพิจารณาว่าเป็นแนวทางสำหรับการซื้อขาย RoboForex ไม่รับผิดชอบสำหรับผลลัพธ์การซื้อขายที่อ้างอิงตามคำแนะนำการซื้อขายที่อธิบายเอาไว้ในบทวิจารณ์การวิเคราะห์เหล่านี้