เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ Ford Motor Company (NYSE: F) ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2024 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 5% และมีกำไร 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับการขาดทุนในปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นลดลง 7.5% หลังการเผยแพร่รายงาน เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับแนวโน้มปี 2025 ซึ่งบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่กำไรจะลดลง
บทความนี้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจและแหล่งรายได้ของ Ford Motor Company นำเสนอรายงานประจำไตรมาส พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์ที่จดทะเบียนในชื่อ F นอกจากนี้ยังรวมถึงการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญต่อหุ้น Ford ในปี 2025 และการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของหุ้น Ford ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการคาดการณ์ราคาหุ้น Ford Motor Company ในปี 2025
Ford Motor Company ก่อตั้งโดย Henry Ford ในปี 1903 ที่สหรัฐอเมริกา กิจกรรมทางธุรกิจหลักของบริษัทคือการออกแบบ ผลิต และทำการตลาดยานพาหนะหลากหลายประเภท ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถบรรทุก รถยนต์ SUV และรถเพื่อการพาณิชย์ นอกจากนี้ Ford ยังมีส่วนร่วมในภาคการเงินผ่านบริษัทย่อย Ford Motor Credit Company ซึ่งให้บริการเช่าซื้อ ปล่อยสินเชื่อ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ แก่ผู้ซื้อรถยนต์
การเสนอขายหุ้น IPO เกิดขึ้นในปี 1956 ทำให้ Ford เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่มีหุ้นซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange) ภายใต้สัญลักษณ์ F สิ่งนี้เปิดโอกาสใหม่ๆ แก่นักลงทุน และเอื้อให้บริษัทเติบโตและพัฒนาต่อไป
ปัจจุบัน Ford ยังเดินหน้าสร้างนวัตกรรมในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมุ่งเน้นที่รถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ พร้อมทั้งปรับปรุงสมรรถนะด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการตลาดและแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
Ford แบ่งการดำเนินงานออกเป็นแผนกหลัก และเผยแพร่ผลประกอบการของแต่ละแผนก ยกเว้น Ford Next ซึ่งยังไม่มีรายได้ ส่วนธุรกิจและแผนกหลักของ Ford มีดังนี้:
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2024 Ford ได้เผยแพร่ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2024 โดยมีตัวชี้วัดทางการเงินดังนี้:
รายงานระบุว่าการเติบโตของรายได้มาจากแผนก Ford Pro ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้น 9% และมีอัตรากำไรสูงสุดเมื่อเทียบกับแผนกอื่นๆ Ford ครองอันดับสองในยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ รองจาก Tesla (NASDAQ: TSLA) โดยมียอดขายเหนือกว่า GM ที่ 21,930 คัน อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้าของ Ford ยังไม่ทำกำไร สะท้อนจากการขาดทุน 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐของแผนก Ford E ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายบริหารของ Ford จึงตัดสินใจลดการผลิตรถกระบะ F-150 Lightning และเลื่อนการลงทุน 12.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าออกไปก่อน บริษัทจึงหันไปมุ่งเน้นที่รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กซึ่งมีอัตรากำไรสูงกว่า ในส่วนนี้ Ford ตั้งใจจะแข่งขันกับ Tesla และ BYD บริษัทจีนที่จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2024 Ford ได้เผยแพร่ผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2024 โดยมีตัวเลขทางการเงินสำคัญดังนี้:
จากข้อมูลในรายงาน บริษัทยังคงเผชิญปัญหาเกี่ยวกับอัตรากำไรของรถยนต์ไฟฟ้า แม้ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโต แต่ธุรกิจนี้ยังคงไม่ทำกำไรและต้องการเงินลงทุนต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรสุทธิลดลง 25% อย่างไรก็ตาม แผนก Ford Blue และ Pro ซึ่งเน้นรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และให้บริการลูกค้ากลุ่มธุรกิจ รวมถึงการบริการหลังการขาย ช่วยบรรเทาปัญหาเหล่านี้ได้ในระดับหนึ่ง Ford Credit ถือเป็นอีกหนึ่งแผนกสำคัญที่สนับสนุนบริษัทในช่วงเวลายากลำบาก
Ford เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2024 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2025 โดยมีตัวชี้วัดทางการเงินดังนี้:
รายงานตอกย้ำว่า Ford ยังคงเผชิญความท้าทายด้านอัตรากำไรของรถยนต์ไฟฟ้า แผนก Ford E ยังคงไม่ทำกำไร อย่างไรก็ตาม ธุรกิจหลักในการขายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ยังคงสนับสนุนบริษัท
นักลงทุนตอบสนองในทางลบต่อรายงาน ทำให้ราคาหุ้นลดลง 7.5% หลังการประกาศ ซึ่งการขาดทุนของแผนก Ford E ไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญ เพราะตลาดได้คำนึงถึงผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของแผนกนี้มาก่อนแล้ว แต่สิ่งที่กังวลคือแนวโน้มปี 2025 โดยแม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นถึง 48.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำไรสุทธิ 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ Ford ได้เตือนถึงความเป็นไปได้ที่ EBIT ที่ปรับปรุงแล้วจะลดลงอยู่ในช่วง 7.0-8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 ลดลงจาก 10.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 อีกหนึ่งปัจจัยกังวลสำคัญคือโอกาสที่จะมีการกำหนดภาษีนำเข้า 25% สำหรับรถยนต์ที่นำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งอาจกระทบผลประกอบการของ Ford ในเชิงลบ เนื่องจากบริษัทพึ่งพาโรงงานในเม็กซิโกสำหรับการผลิตต้นทุนต่ำ
ในกรอบเวลารายเดือน (Monthly Timeframe) หุ้น Ford ซื้อขายอยู่ในช่วง 9 ถึง 14 USD ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022 หลังจากการประกาศรายงานผลประกอบการรายไตรมาส ราคาหุ้นได้เคลื่อนตัวลง และแนวรับที่ 9 USD กำลังถูกทดสอบ เมื่อพิจารณาจากประสิทธิภาพของหุ้น Ford Motor Company แนวโน้มของการเคลื่อนไหวของราคาในปี 2025 มีดังนี้
การคาดการณ์หลัก สำหรับหุ้น Ford Motor Company บ่งชี้ว่าอาจมีการทะลุแนวรับที่ 9 USD ลงไป ซึ่งนำไปสู่การลดลงถึง 5 USD สถานการณ์นี้ถูกมองว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องจากแนวโน้มปี 2025 ที่อ่อนแอ เหตุการณ์ลักษณะเดียวกันเคยเกิดขึ้นกับหุ้น Tesla เมื่อราคาหุ้นทะลุแนวรับลงไป และยังคงลดลงต่อเนื่อง
การคาดการณ์ทางเลือก สำหรับหุ้น Ford Motor Company คาดการณ์ว่าราคาจะดีดตัวจากแนวรับ 9 USD แล้วปรับตัวขึ้นไปสู่ขอบบนของช่วงการซื้อขายที่ 14 USD ราคาหุ้นอาจยังคงเคลื่อนไหวระหว่าง 9 USD ถึง 14 USD ในปี 2025 จนกว่าบริษัทจะสามารถแก้ปัญหาความสามารถในการทำกำไรของรถยนต์ไฟฟ้าได้
การวิเคราะห์และคาดการณ์ราคาหุ้น Ford Motor Company สำหรับปี 2025การลงทุนในหุ้น Ford Motor Company มีความเสี่ยงบางประการที่ต้องคำนึงถึง ดังนี้:
อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปภายในสู่รถยนต์ไฟฟ้า Ford ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น บริษัทกำลังปรับตัวไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด และรายได้ยังรวมถึงบริการและการขายซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง แนวทางที่หลากหลายนี้อาจทำให้ Ford กลายเป็นผู้เล่นที่ปรับตัวได้หลากหลายในตลาด ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายได้ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของกลยุทธ์นี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของ Ford ในการขยายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ถึงจุดคุ้มทุน ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญอยู่แล้ว
หาก Ford สามารถบริหารจัดการการเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างประสบความสำเร็จ และใช้ประโยชน์จากแบรนด์ควบคู่ไปกับนวัตกรรมด้านซอฟต์แวร์และบริการ บริษัทอาจก้าวขึ้นเป็นบริษัทรถยนต์ที่แข็งแกร่งและมีความหลากหลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงที่ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอาจไม่สามารถทำกำไรในระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งอาจนำไปสู่แรงกดดันทางการเงินหรือการต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์
การตอบสนองของตลาดต่อรายงานผลประกอบการรายไตรมาสบ่งชี้ว่านักลงทุนยังคงสงสัยในแผนของบริษัท และตั้งคำถามต่อความสามารถในการดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์
การคาดการณ์ที่นำเสนอในส่วนนี้จะสะท้อนให้เห็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้แต่งเท่านั้น และจะไม่สามารถถูกพิจารณาว่าเป็นแนวทางสำหรับการซื้อขาย RoboForex ไม่รับผิดชอบสำหรับผลลัพธ์การซื้อขายที่อ้างอิงตามคำแนะนำการซื้อขายที่อธิบายเอาไว้ในบทวิจารณ์การวิเคราะห์เหล่านี้