แนวโน้มหุ้น ExxonMobil: ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงหนุนราคาหุ้นแตะ 150 ดอลลาร์สหรัฐ

24.06.2025

ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ได้จุดประกายความสนใจใหม่ในหุ้น ExxonMobil ในหมู่ผู้เข้าร่วมตลาด ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องสามารถสนับสนุนผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัท และช่วยผลักดันราคาหุ้น XOM ไปสู่ระดับ 150 ดอลลาร์สหรัฐ

รายงานไตรมาส 1 ปี 2025 ของ Exxon Mobil Corporation (NYSE: XOM) เปิดเผยว่ากำไรสุทธิลดลง 6% เนื่องจากส่วนต่างการกลั่นลดลงและความอ่อนแอในธุรกิจปิโตรเคมี แม้ว่าการผลิตจะเพิ่มขึ้นและรายได้ทรงตัว กำไรต่อหุ้นก็ลดลงถึง 15% ความท้าทายหลักของบริษัทเกี่ยวข้องกับสภาพตลาดที่แย่ลงและต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลางได้ผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ความสนใจของนักลงทุนในหุ้น ExxonMobil เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้น XOM เข้าใกล้จุดสูงสุดทางประวัติศาสตร์ที่ 123 ดอลลาร์สหรัฐ หากน้ำมันดิบ WTI ยังคงอยู่เหนือระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หุ้น ExxonMobil มีศักยภาพที่จะทะลุจุดสูงสุดนี้และแตะระดับ 150 ดอลลาร์สหรัฐได้

บทความนี้วิเคราะห์ Exxon Mobil Corporation อธิบายแหล่งรายได้ของบริษัท และสรุปผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปีการเงิน 2025 พร้อมทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิคของ XOM ซึ่งเป็นพื้นฐานของการคาดการณ์หุ้น ExxonMobil สำหรับปีปฏิทิน 2025

เกี่ยวกับบริษัท Exxon Mobil Corporation

Exxon Mobil Corporation เป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซของสหรัฐฯ และเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ของรายได้และมูลค่าตามราคาตลาด ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 จากการควบรวมกิจการของ Exxon และ Mobil ซึ่งทั้งสองมีต้นกำเนิดจากบริษัท Standard Oil ที่ก่อตั้งโดย John D. Rockefeller ในปี 1870

การเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เกิดขึ้นในปี 1920 โดย Standard Oil of New Jersey ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของ Exxon ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ภายใต้สัญลักษณ์ ESJ

ภายหลังการควบรวมกิจการของ Exxon และ Mobil ในปี 1999 บริษัท Exxon Mobil Corporation ที่ก่อตั้งขึ้นใหม่เริ่มทำการซื้อขายใน NYSE ภายใต้สัญลักษณ์ XOM ซึ่งใช้มาจนถึงปัจจุบัน

บริษัท Exxon Mobil Corporation ประกอบธุรกิจสำรวจ ผลิต กลั่น และจำหน่ายน้ำมัน ก๊าซ และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ตลอดจนการผลิตปิโตรเคมี คู่แข่งหลักของบริษัท ได้แก่ Chevron (NYSE: CVX), Shell (NYSE: SHEL), BP (NYSE: BP) และ TotalEnergies (NYSE: TTE)

ภาพชื่อบริษัท Exxon Mobil Corporation
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

ภาพชื่อบริษัท Exxon Mobil Corporation

โมเดลธุรกิจของบริษัท Exxon Mobil Corporation

โมเดลธุรกิจของ Exxon Mobil Corporation ครอบคลุมห่วงโซ่มูลค่าทั้งหมดของอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มหลัก ซึ่งแต่ละกลุ่มมีบทบาทในการสร้างรายได้ ดังนี้:

  • Upstream: กลุ่มนี้รวมถึงการสำรวจ การพัฒนาแหล่งผลิต และการผลิตน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ทั่วโลก รายได้เกิดจากการขายทรัพยากรที่ขุดได้ให้แก่หน่วยงานกลั่นภายในบริษัทและตลาดภายนอก เมื่อราคาน้ำมันและก๊าซอยู่ในระดับสูง กลุ่มนี้จะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนกำไรที่สำคัญ
  • Energy Products: กลุ่มนี้ครอบคลุมการกลั่นน้ำมันดิบที่โรงกลั่นของ ExxonMobil รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมหลากหลายประเภท เช่น น้ำมันเบนซิน ดีเซล น้ำมันก๊าด น้ำมันเตา น้ำมันเรือ ฯลฯ และการบริหารเครือข่ายปั๊มน้ำมันภายใต้แบรนด์ Exxon, Mobil และ Esso รายได้ขึ้นอยู่กับส่วนต่างการกลั่น ต้นทุนโลจิสติกส์ และความต้องการเชื้อเพลิงในตลาด กลุ่มนี้ยังรวมถึงกิจกรรมการซื้อขายพลังงานระดับโลกด้วย
  • Chemical Products: กลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นและระดับกลาง เช่น เอทิลีน โพรพิลีน โพลิเอทิลีน PET แอลกอฮอล์ พลาสติไซเซอร์ และสารเคมีอื่น ๆ ซึ่งใช้ในบรรจุภัณฑ์ การก่อสร้าง สิ่งทอ ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ กำไรของกลุ่มนี้ขึ้นอยู่กับวัฏจักรเศรษฐกิจโลก ราคาวัตถุดิบ และการแข่งขันจากเอเชียและตะวันออกกลาง
  • Specialty Products: กลุ่มนี้ครอบคลุมการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมมูลค่าสูง เช่น น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ น้ำมันเครื่อง จาระบีอุตสาหกรรม แว็กซ์ และผลิตภัณฑ์เฉพาะทางอื่น ๆ เป็นธุรกิจที่มีต้นทุนน้อยแต่กำไรสูง โดยเน้นความต้องการที่มั่นคงทั้งในกลุ่ม B2B และ B2C รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์ บริษัทอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง
  • Corporate and Financing: กลุ่มนี้ครอบคลุมงานในระดับองค์กร เช่น การบริหารจัดการ เทคโนโลยีสารสนเทศ การวางแผนกลยุทธ์ การใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) และการดำเนินงานทางการเงิน เช่น การบริหารหนี้ การป้องกันความเสี่ยง และการจัดการสภาพคล่อง กลุ่มนี้ไม่ได้สร้างรายได้โดยตรงแต่แสดงถึงค่าใช้จ่ายในระดับองค์กรและการจัดสรรต้นทุนภายในไปยังกลุ่มธุรกิจอื่น

รายงานไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2025 ของบริษัท Exxon Mobil Corporation

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2025 บริษัท Exxon Mobil Corporation ได้เผยแพร่ผลประกอบการสำหรับไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2025 ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2025 ตัวเลขทางการเงินหลักเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วมีดังนี้ (https://investor.exxonmobil.com/earnings?_gl=1*jw648u*_gcl_au*MTQzMjE5ODgxMS4xNzUwNjYzMzk0*_ga*MTk4NDk2ODM4Ny4xNzUwNjYzMzk2*_ga_0MQGMC0BXC*czE3NTA2NjMzOTUkbzEkZzEkdDE3NTA2NjMzOTUkajYwJGwwJGgw):

  • รายได้: 83.13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (0%)
  • กำไรสุทธิ: 7.71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-6%)
  • กำไรต่อหุ้น: 1.76 ดอลลาร์สหรัฐ (-15%)
  • อัตรากำไรจากการดำเนินงาน: 15% (-90 จุดฐาน)

รายได้ตามกลุ่มธุรกิจ:

  • รายได้จากกลุ่ม Upstream: 11.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+41%)
  • สหรัฐอเมริกา: 7.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+234%)
  • นอกสหรัฐอเมริกา: 3.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+12%)
  • รายได้จากกลุ่ม Energy Products: 59.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-4%)
  • สหรัฐอเมริกา: 23.88 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-4%)
  • นอกสหรัฐอเมริกา: 36.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-8%)
  • รายได้จากกลุ่ม Chemical Products: 5.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-8%)
  • สหรัฐอเมริกา: 2.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-8%)
  • นอกสหรัฐอเมริกา: 3.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-7%)
  • รายได้จากกลุ่ม Specialty Products: 4.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-4%)
  • สหรัฐอเมริกา: 1.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-7%)
  • นอกสหรัฐอเมริกา: 3.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-4%)

รายงานทางการเงินสะท้อนถึงผลประกอบการที่ผสมผสานกัน แม้รายได้จะทรงตัวที่ 83.13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีกำไรสุทธิลดลง 6% และกำไรต่อหุ้นลดลงถึง 15% แรงกดดันหลักมาจากการลดลงอย่างมากของอัตรากำไรในกลุ่ม Energy Products

ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ในตลาดโลกที่ลดลง โดยเฉพาะในเอเชีย ส่งผลให้กำไรจากกลุ่มนี้ลดลงเกือบ 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุมาจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ความสามารถการกลั่นที่ล้นตลาด และอุปสงค์ที่อ่อนแอลงในตลาด ในทำนองเดียวกัน กลุ่ม Chemical Products ก็ประสบปัญหาเช่นกัน โดยต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นและปริมาณขายที่ลดลงส่งผลให้กำไรลดลงมากกว่าสามเท่า

ภาระเพิ่มเติมยังเกิดจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าเสื่อมราคาและต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะในกลุ่ม Upstream ซึ่งบางส่วนเกิดจากการรวมสินทรัพย์ของบริษัท Pioneer Natural Resources ส่วนขาดทุนในกลุ่ม Corporate and Financing ก็ขยายตัวมากขึ้นถึง 798 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลง ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และภาระหนี้บำนาญที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม กลุ่ม Upstream ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยกำไรเพิ่มขึ้น 19% จากปริมาณการผลิตน้ำมันและก๊าซที่สูงขึ้น ราคาก๊าซที่เอื้ออำนวย และผลบวกจากสัญญาซื้อขายระยะยาว โดยมียอดผลิตถึง 4.55 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันต่อวัน เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน

บริษัทยังคงมีเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 12.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรองรับการใช้จ่ายด้านเงินลงทุน การจ่ายเงินปันผล และโครงการซื้อหุ้นคืนอย่างต่อเนื่อง

โดยรวม รายงานนี้เน้นถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินงานของกลุ่ม Upstream และความยืดหยุ่นของกระแสเงินสด แต่ก็แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันด้านอัตรากำไรและอุปสงค์ที่ซบเซาในกลุ่มการกลั่นและเคมี หากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสถัดไปเพิ่มเติม

การคาดการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญต่อหุ้นของบริษัท Exxon Mobil Corporation

  • Barchart: นักวิเคราะห์ 14 คนจากทั้งหมด 24 คนให้เรตติ้ง XOM ว่า “Strong Buy” หนึ่งคนให้ “Moderate Buy” แปดคนให้ “Hold” และอีกหนึ่งคนให้ “Strong Sell” ราคาเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่ 140 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ราคาต่ำสุด (ฝั่งขาย) อยู่ที่ 95 ดอลลาร์สหรัฐ
  • MarketBeat: นักวิเคราะห์ 11 คนจาก 22 คนแนะนำ “Buy” ส่วน 10 คนแนะนำ “Hold” และอีกหนึ่งคนแนะนำ “Sell” ราคาเป้าหมายในแง่บวกที่สุดอยู่ที่ 144 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 105 ดอลลาร์สหรัฐ
  • TipRanks: จากนักวิเคราะห์ 14 คนที่ถูกสำรวจ แปดคนให้คำแนะนำ “Buy” และหกคนแนะนำ “Hold” ราคาเป้าหมายขาขึ้นสูงสุดอยู่ที่ 140 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนราคาขาลงอยู่ที่ 105 ดอลลาร์สหรัฐ
  • Stock Analysis: นักวิเคราะห์ 2 คนจาก 17 คนให้คำแนะนำ “Strong Buy” แปดคนแนะนำ “Buy” หกคนแนะนำ “Hold” หนึ่งคนแนะนำ “Sell” และอีกหนึ่งคนแนะนำ “Strong Sell” โดยราคาเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่ 138 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 105 ดอลลาร์สหรัฐ

การคาดการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญต่อหุ้นของบริษัท Exxon Mobil Corporation ในปี 2025
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

การคาดการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญต่อหุ้นของบริษัท Exxon Mobil Corporation ในปี 2025

การคาดการณ์ราคาหุ้นของบริษัท Exxon Mobil Corporation สำหรับปี 2025

บนกราฟรายสัปดาห์ หุ้นของ ExxonMobil กำลังซื้อขายอยู่ในช่องแนวโน้มขาขึ้น ตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 เป็นต้นมา XOM อยู่ในช่วงของการแกว่งตัวในกรอบแนวราบระหว่าง 100 ถึง 120 ดอลลาร์สหรัฐ หากหุ้นจะกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นเดิม จะต้องทะลุแนวต้านที่ระดับ 120 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป

จากพฤติกรรมราคาหุ้น XOM ล่าสุด มีการคาดการณ์สถานการณ์การเคลื่อนไหวของราคาสำหรับปี 2025 ดังนี้:

กรณีพื้นฐาน (Base Case) คาดว่าราคาหุ้น ExxonMobil จะทะลุระดับแนวต้านที่ 120 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะกลายเป็นตัวเร่งให้ราคาปรับขึ้นต่อไปยังขอบบนของช่องแนวโน้มที่ระดับ 150 ดอลลาร์สหรัฐ สถานการณ์นี้ได้รับแรงสนับสนุนจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินอยู่ในตะวันออกกลาง ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น และสนับสนุนรายได้และกำไรของ ExxonMobil

กรณีทางเลือก (Alternative Scenario) คาดว่าราคาจะไม่สามารถทะลุระดับแนวต้าน 120 ดอลลาร์สหรัฐได้ และอาจกลับไปทดสอบบริเวณแนวรับที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐอีกครั้ง การดีดตัวจากระดับนี้อาจเป็นสัญญาณว่าเฟสของการแกว่งตัวในกรอบสิ้นสุดลง และราคาหุ้นจะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวอีกครั้ง

การวิเคราะห์และการคาดการณ์ราคาหุ้นของ Exxon Mobil Corporation สำหรับปี 2025
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

การวิเคราะห์และการคาดการณ์ราคาหุ้นของ Exxon Mobil Corporation สำหรับปี 2025

ความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นของบริษัท Exxon Mobil Corporation

การลงทุนในหุ้นของบริษัท Exxon Mobil Corporation มีความเสี่ยงหลายประการที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อรายได้ของบริษัท ได้แก่:

  • ความผันผวนของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ: ราคาพลังงานมีความอ่อนไหวสูงต่อเหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ (โดยเฉพาะความขัดแย้งในตะวันออกกลาง) การตัดสินใจของกลุ่ม OPEC+ และความผันผวนของอุปสงค์ในจีน หากราคาตกลงอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดจากความต้องการทั่วโลกลดลงหรืออุปทานล้นตลาด อาจส่งผลให้รายได้ของ ExxonMobil โดยเฉพาะในส่วนธุรกิจต้นน้ำ (Upstream) ลดลงอย่างมาก
  • ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและการเมือง: การบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้นในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ รวมถึงการสั่งห้ามสำรวจในพื้นที่อ่อนไหว มาตรฐานการปล่อยก๊าซที่เข้มงวดขึ้น และข้อกำหนดด้านการกลั่นที่รัดกุมขึ้น อาจเพิ่มต้นทุนในการดำเนินงานหรือจำกัดขีดความสามารถในการผลิต
  • ข้อพิพาททางกฎหมายและความเสี่ยงด้าน ESG: บริษัทกำลังเผชิญคดีความเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และข้อกล่าวหาเรื่องการให้ข้อมูลสาธารณะเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อชื่อเสียงและการเงิน โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับ ESG มีอิทธิพลเพิ่มขึ้น
  • ความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์และการคว่ำบาตร: การดำเนินงานของ ExxonMobil ในพื้นที่ที่มีความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น แอฟริกา ตะวันออกกลาง และละตินอเมริกา เสี่ยงต่อการถูกคว่ำบาตร การเวนคืนทรัพย์สิน ความขัดแย้งทางอาวุธ และการหยุดชะงักของซัพพลายเชน
  • ต้นทุนการดูแลรักษาทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น: แรงกดดันจากเงินเฟ้อ ต้นทุนทุนที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสำหรับบริการขุดเจาะ อุปกรณ์ และแรงงาน อาจทำให้ผลกำไรของโครงการลดลงและการพัฒนาโครงการล่าช้า

เมื่อนำปัจจัยเหล่านี้มารวมกัน ทำให้ผลประกอบการของ ExxonMobil ยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากทั้งปัจจัยระยะสั้นและระยะยาว แม้บริษัทจะมีความยืดหยุ่นทางการเงินและการดำเนินงานในระดับโลกก็ตาม

โปรดทราบ!

การคาดการณ์ที่นำเสนอในส่วนนี้จะสะท้อนให้เห็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้แต่งเท่านั้น และจะไม่สามารถถูกพิจารณาว่าเป็นแนวทางสำหรับการซื้อขาย RoboForex ไม่รับผิดชอบสำหรับผลลัพธ์การซื้อขายที่อ้างอิงตามคำแนะนำการซื้อขายที่อธิบายเอาไว้ในบทวิจารณ์การวิเคราะห์เหล่านี้