การคาดการณ์หุ้น BAC: ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025 ที่แข็งแกร่งสนับสนุนศักยภาพการเติบโตเพิ่มเติม

25.07.2025

ความผันผวนในตลาดการเงินและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงสนับสนุนผลประกอบการของ Bank of America ในไตรมาส 2 ปี 2025 ซึ่งช่วยชดเชยความอ่อนแอในธุรกิจวาณิชธนกิจและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดสภาวะที่เอื้อต่อแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาหุ้น BAC

รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025 ของ Bank of America Corporation (NYSE: BAC) แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจอีกครั้ง รายได้รวมอยู่ที่ 26.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+4%) กำไรสุทธิอยู่ที่ 7.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+3%) และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.89 ดอลลาร์สหรัฐ (+7%) ซึ่งได้รับแรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ทำสถิติสูงสุดที่ 14.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+7%) และผลการดำเนินงานด้านการซื้อขายที่แข็งแกร่ง

ปัจจัยขับเคลื่อนหลักในไตรมาสนี้รวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มั่นคง การเติบโตอย่างต่อเนื่องของเงินกู้และเงินฝาก และคุณภาพสินทรัพย์ที่สูง ภาคการซื้อขายยังคงทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นไตรมาสที่ 13 ติดต่อกันของการเติบโต

ความท้าทายที่เกิดขึ้นในไตรมาสนี้ ได้แก่ รายได้ค่าธรรมเนียมจากวาณิชธนกิจที่อ่อนตัวลง รายได้รวมต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อย และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น

การตอบสนองของนักลงทุนเป็นไปในเชิงบวกอย่างระมัดระวัง ในวันถัดจากการเผยแพร่รายงาน หุ้น BAC ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 2.1% สะท้อนถึงความสมดุลระหว่างความเชื่อมั่นและความระมัดระวังท่ามกลางแรงกดดันจากรายได้ค่าธรรมเนียมและการเติบโตของรายได้ที่จำกัด ฝ่ายบริหารได้ยืนยันการคาดการณ์ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็น 15.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในไตรมาส 4 ปี 2025 และคาดว่าจะมีการเติบโตของรายได้จากการซื้อขายเพิ่มเติม ซึ่งสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนที่มองหาความมั่นคงพร้อมโอกาสในการเติบโตอย่างพอประมาณ

บทความนี้นำเสนอการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับ Bank of America Corporation รวมถึงการวิเคราะห์พื้นฐานของผลประกอบการทางการเงินของ BAC สำหรับไตรมาส 3 และ 4 ปี 2024 และไตรมาส 1 และ 2 ปี 2025 โดยอ้างอิงจากผลการดำเนินงานล่าสุดของหุ้น BAC ได้มีการวิเคราะห์ทางเทคนิคควบคู่กับการคาดการณ์ราคาหุ้น BAC สำหรับปี 2025

เกี่ยวกับบริษัท Bank of America Corporation

Bank of America Corporation เป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยให้บริการด้านการธนาคารและบริการที่เกี่ยวข้องอย่างหลากหลาย Amadeo Giannini ก่อตั้งธนาคารแห่งนี้ในปี 1904 ที่เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้ชื่อ Bank of Italy ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Bank of America ในปี 1930 บริษัทในรูปแบบปัจจุบันก่อตั้งขึ้นในปี 1998 หลังจากการควบรวมกิจการกับ NationsBank

Bank of America ให้บริการที่หลากหลาย ครอบคลุมการธนาคารสำหรับบุคคลและภาคธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนและประกันภัย การบริหารสินทรัพย์ และบริการสินเชื่อและจำนอง สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา

การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ของธนาคารเกิดขึ้นในปี 1957 โดยหุ้นเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กภายใต้ตัวย่อ BAC ปัจจุบัน Bank of America เป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดทั้งในสหรัฐอเมริกาและระดับโลก โดยให้บริการลูกค้าในกว่า 35 ประเทศ และบริหารจัดการสินทรัพย์รวมกว่า 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภาพชื่อบริษัท Bank of America Corporation
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

ภาพชื่อบริษัท Bank of America Corporation

แหล่งรายได้หลักของ Bank of America Corporation

แหล่งรายได้หลักของ Bank of America มาจากหลายสายธุรกิจ เช่น การธนาคารรายย่อย ภาคธุรกิจ และการลงทุน ซึ่งแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ดังนี้:

  • รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ: เกิดจากส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยที่ได้รับจากการปล่อยกู้และดอกเบี้ยที่จ่ายให้แก่ลูกค้าในรูปของเงินฝากและแหล่งเงินทุนอื่น ๆ Bank of America เสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย เช่น สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อธุรกิจและยานยนต์ และบัตรเครดิต
  • รายได้ค่าคอมมิชชัน: รายได้จากค่าธรรมเนียมธุรกรรมของลูกค้า รวมถึงค่าบำรุงรักษาบัญชี ค่าธรรมเนียมการชำระเงินและการโอนเงิน และค่าธรรมเนียมในการบริหารสินทรัพย์
  • รายได้จากวาณิชธนกิจ: ค่าธรรมเนียมจากบริการให้คำปรึกษาด้านการควบรวมกิจการ รายได้จากการออกหุ้นและพันธบัตร รวมถึงกำไรจากการซื้อขายตราสารทางการเงิน เช่น หลักทรัพย์ สกุลเงิน และตราสารอนุพันธ์
  • รายได้จากการบริหารสินทรัพย์และประกันภัย: ค่าธรรมเนียมสำหรับบริการบริหารสินทรัพย์ ค่าเบี้ยประกันภัย และผลตอบแทนจากการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับประกันภัย
  • การซื้อขายและดำเนินงานตลาด: กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ สกุลเงิน และตราสารอนุพันธ์
  • รายได้จากแหล่งอื่น: ค่าธรรมเนียมจากการเช่าตู้นิรภัย ผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการพัฒนาอย่างยั่งยืนและโครงสร้างพื้นฐาน และกำไรจากการถือครองพันธบัตรรัฐบาลและบริษัทเอกชน

หมวดหมู่เหล่านี้ช่วยกระจายแหล่งรายได้ของธนาคาร ทำให้มีความยืดหยุ่นในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจ และเสริมความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จุดแข็งและจุดอ่อนของบริษัท Bank of America Corporation

จุดแข็งของ Bank of America ได้แก่:

  • แหล่งรายได้ที่หลากหลาย: ธนาคารมีบริการทางการเงินที่หลากหลาย ทั้งธนาคารรายย่อย บริการด้านการลงทุน การบริหารสินทรัพย์ การธนาคารสำหรับภาคธุรกิจ และประกันภัย ความหลากหลายนี้ช่วยเสริมความสามารถในการรับมือกับความผันผวนของตลาดในหลายภาคส่วน และสามารถสร้างรายได้จากแหล่งต่าง ๆ ได้อย่างมั่นคง
  • นวัตกรรมด้านดิจิทัล: ธนาคารมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เช่น แอปพลิเคชันมือถือ และผู้ช่วยเสมือน Erica ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพการบริการ เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และดึงดูดลูกค้าใหม่
  • ความแข็งแกร่งในด้านวาณิชธนกิจและการบริหารสินทรัพย์: ความได้เปรียบในการแข่งขันในด้านการลงทุนและการธนาคารส่วนบุคคล รวมถึงการบริหารสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ธนาคารครองตำแหน่งผู้นำทั้งในสหรัฐอเมริกาและระดับนานาชาติ ส่งผลให้สามารถให้บริการคุณภาพสูงแก่ลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูงและองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก
  • เครือข่ายขนาดใหญ่และการเข้าถึงทั่วโลก: ธนาคารมีสำนักงานตัวแทนในกว่า 35 ประเทศ ทำให้สามารถให้บริการแก่ลูกค้าไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม โดยธนาคารครองตำแหน่งผู้นำทั้งในตลาดภายในประเทศและระหว่างประเทศ
  • เงินทุนและสินทรัพย์สภาพคล่องในระดับสูง: ด้วยทรัพยากรทางการเงินที่มั่นคงและสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง ธนาคารมีความพร้อมในการจัดการความเสี่ยงและรักษาเสถียรภาพในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จุดอ่อนของ Bank of America ได้แก่:

  • ความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย: แหล่งรายได้หลักของธนาคารมาจากส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยจากสินเชื่อและดอกเบี้ยที่จ่ายจากเงินฝาก ทำให้มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางและความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย หากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ กำไรมักจะลดลงตามไปด้วย
  • ต้นทุนการดำเนินงานสูง: แม้จะมีขนาดองค์กรใหญ่และการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในระดับสูง ธนาคารยังมีต้นทุนที่สูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง JPMorgan Chase (NYSE: JPM) และ Wells Fargo (NYSE: WFC) ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อความสามารถในการทำกำไรโดยรวมของการดำเนินธุรกิจ
  • จุดอ่อนในบางภาคส่วนของธนาคารรายย่อย: แม้ธนาคารจะมีส่วนแบ่งตลาดที่สำคัญในสหรัฐอเมริกา แต่ยังล้าหลังคู่แข่งอย่าง JPMorgan Chase และ Wells Fargo ในภาคส่วนธนาคารรายย่อยและบัตรเครดิต ซึ่งสองธนาคารนี้มีฐานลูกค้าที่ใหญ่กว่าและเครือข่ายการให้บริการที่พัฒนามากกว่า

โดยรวมแล้ว Bank of America เป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งในตลาดการเงินด้วยความหลากหลายและนวัตกรรม แต่ยังเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยมหภาคและต้นทุนการดำเนินงานที่สูง

รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2024 ของ Bank of America Corporation

ในเดือนตุลาคม Bank of America ได้เผยแพร่รายงานประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2024 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน โดยมีข้อมูลสำคัญดังนี้ (https://investor.bankofamerica.com/):

  • รายได้: 25.30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+1%)
  • กำไรสุทธิ: 6.90 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-12%)
  • กำไรต่อหุ้น: 0.81 ดอลลาร์สหรัฐ (-10%)
  • รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ: 14.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-3%)

รายได้ตามกลุ่มธุรกิจ:

  • ธุรกิจธนาคารรายย่อย: 10.40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-1%)
  • การบริหารความมั่งคั่งและการลงทุนทั่วโลก: 5.80 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+8%)
  • ธุรกิจธนาคารทั่วโลก: 5.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-6%)
  • ตลาดโลก: 5.60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+14%)

กำไรสุทธิตามกลุ่มธุรกิจ:

  • ธุรกิจธนาคารรายย่อย: 2.70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-6%)
  • การบริหารความมั่งคั่งและการลงทุนทั่วโลก: 1.10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+1%)
  • ธุรกิจธนาคารทั่วโลก: 1.90 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-27%)
  • ตลาดโลก: 1.50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+25%)

ผู้ถือหุ้นได้รับเงินเกือบ 5.60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงเงินปันผล 2.00 พันล้านดอลลาร์ และการซื้อหุ้นคืน 3.50 พันล้านดอลลาร์

แม้รายได้รวมจะเพิ่มขึ้น 1% แต่กำไรสุทธิของธนาคารลดลง 12% โดยกำไรจากการดำเนินงานในภาคบริการธนาคารทั่วโลกและตลาดผู้บริโภคในสหรัฐฯ ลดลง อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับในไตรมาสก่อนหน้า ภาคการลงทุนยังคงแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มเชิงบวก ซึ่งช่วยชดเชยผลกระทบเชิงลบจากภาคบริการธนาคาร

รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2024 ของ Bank of America Corporation

Bank of America Corporation เผยแพร่สถิติประจำไตรมาส 4 ปี 2024 เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2025 โดยข้อมูลสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2023 มีดังนี้ (https://investor.bankofamerica.com/):

  • รายได้: 25.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+15%)
  • กำไรสุทธิ: 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+112%)
  • กำไรต่อหุ้น: 0.82 ดอลลาร์สหรัฐ (+134%)
  • รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ: 14.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+3%)

รายได้ตามกลุ่มธุรกิจ:

  • ธุรกิจธนาคารรายย่อย: 10.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+3%)
  • การบริหารความมั่งคั่งและการลงทุนทั่วโลก: 6.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+15%)
  • ธุรกิจธนาคารทั่วโลก: 6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+3%)
  • ตลาดโลก: 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+20%)

กำไรสุทธิตามกลุ่มธุรกิจ:

  • ธุรกิจธนาคารรายย่อย: 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+2%)
  • การบริหารความมั่งคั่งและการลงทุนทั่วโลก: 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+14%)
  • ธุรกิจธนาคารทั่วโลก: 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-13%)
  • ตลาดโลก: 941 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+27%)

ในรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2025 ฝ่ายบริหารของ Bank of America แสดงความเชื่อมั่นในผลการดำเนินงานและแนวโน้มของบริษัท โดยระบุว่าแต่ละกลุ่มธุรกิจมีส่วนร่วมมากขึ้นต่อรายได้ และมีการเพิ่มขึ้นของเงินฝากและจำนวนเงินให้กู้ยืมเกินค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม รายได้จากดอกเบี้ยสุทธิถูกคาดการณ์ว่าจะอยู่ระหว่าง 14.5 ถึง 14.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 1 ปี 2025 โดยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องไปถึงประมาณ 15.5-15.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 4 ปี 2025 ครึ่งหลังของปี 2025 ถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตแข็งแกร่งกว่าครึ่งแรก ซึ่งจะสร้างความได้เปรียบในการดำเนินงานตลอดทั้งปี

รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2025 ของ Bank of America Corporation

เมื่อวันที่ 15 เมษายน Bank of America ได้เผยแพร่รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาส 1 ปี 2025 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้ (https://investor.bankofamerica.com/)

  • รายได้: 27.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+6%)
  • กำไรสุทธิ: 7.40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+11%)
  • กำไรต่อหุ้น: 0.90 ดอลลาร์สหรัฐ (+18%)
  • รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ: 14.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+3%)

รายได้ตามกลุ่มธุรกิจ:

  • ธุรกิจธนาคารรายย่อย: 10.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+3%)
  • การบริหารความมั่งคั่งและการลงทุนทั่วโลก: 6.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+7%)
  • ธุรกิจธนาคารทั่วโลก: 5.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (0%)
  • ตลาดโลก: 6.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+12%)

กำไรสุทธิตามกลุ่มธุรกิจ:

  • ธุรกิจธนาคารรายย่อย: 2.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-4%)
  • การบริหารความมั่งคั่งและการลงทุนทั่วโลก: 1.00 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (0%)
  • ธุรกิจธนาคารทั่วโลก: 1.91 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-3%)
  • ตลาดโลก: 1.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+13%)

รายงานไตรมาส 1 ปี 2025 ของ Bank of America แสดงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเกินความคาดหมายของวอลล์สตรีท และทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจแบบระมัดระวัง การเติบโตของรายได้ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการซื้อขาย โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้น 17% ท่ามกลางกิจกรรมในตลาดที่เพิ่มขึ้นทั่วทั้งธนาคารชั้นนำในสหรัฐอเมริกา

แม้จะมีผลประกอบการเชิงบวก Bank of America ยังคงแสดงท่าทีระมัดระวังต่อสถานการณ์เศรษฐกิจ ซีอีโอ Brian Moynihan กล่าวถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากภาษีนำเข้าใหม่และความไม่แน่นอนทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เขาไม่คาดว่าจะเกิดภาวะถดถอยในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2025 โดย CFO Alastair Borthwick ได้อธิบายว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างช้าๆ

ในไตรมาส 1 ปี 2025 Bank of America ได้เพิ่มการกันสำรองหนี้เสียจาก 1.3 เป็น 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแสดงถึงแนวทางที่ระมัดระวังในการบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่อภายใต้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

สำหรับนักลงทุนที่เน้นรายได้ธนาคารยังคงจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสที่ 0.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการส่งคืนทุนแก่ผู้ถือหุ้น

สำหรับไตรมาส 2 ปี 2025 ฝ่ายบริหารของ Bank of America ไม่ได้ให้การคาดการณ์เฉพาะเจาะจง อย่างไรก็ตาม ธนาคารคาดว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเติบโต 6-7% ในปี 2025 และแตะระดับ 15.5 ถึง 15.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในไตรมาส 4 ปี 2025 ซึ่งเป็นการย้ำการคาดการณ์ที่ได้กล่าวไว้ในรายงานไตรมาส 4 ปี 2024 โดยกลุ่มธุรกิจบริการผู้บริโภคยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของรายได้ดอกเบี้ย

รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025 ของ Bank of America Corporation

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม Bank of America ได้เผยแพร่รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาส 2 ปี 2025 (ปีปฏิทิน) ครอบคลุมช่วงสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน โดยมีผลลัพธ์สำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ดังนี้ (https://investor.bankofamerica.com/):

  • รายได้: 27.51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+4%)
  • กำไรสุทธิ: 7.11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+3%)
  • กำไรต่อหุ้น: 0.89 ดอลลาร์สหรัฐ (+7%)
  • รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ: 14.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+7%)

รายได้ตามกลุ่มธุรกิจ:

  • ธุรกิจธนาคารรายย่อย: 10.81 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+6%)
  • การบริหารความมั่งคั่งและการลงทุนทั่วโลก: 5.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+7%)
  • ธุรกิจธนาคารทั่วโลก: 5.69 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-7%)
  • ตลาดโลก: 6.01 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+10%)

กำไรสุทธิตามกลุ่มธุรกิจ:

  • ธุรกิจธนาคารรายย่อย: 2.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+14%)
  • การบริหารความมั่งคั่งและการลงทุนทั่วโลก: 0.99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-3%)
  • ธุรกิจธนาคารทั่วโลก: 1.70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-19%)
  • ตลาดโลก: 1.56 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+10%)

Bank of America มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2 ปี 2025 โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 7.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (89 เซนต์ต่อหุ้น) ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ว่ารายได้รวมจะต่ำกว่าการคาดการณ์เล็กน้อย ตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตคือรายได้ดอกเบี้ยสุทธิระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 14.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+7%) และรายได้จากการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+14%) ซึ่งได้แรงหนุนจากความผันผวนของตลาดและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์

ฝ่ายบริหารแสดงความเชื่อมั่น ซีอีโอ Brian Moynihan เน้นถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มีเสถียรภาพ คุณภาพสินเชื่อที่สูง และการเติบโตของเงินกู้และเงินฝากแบบออร์แกนิก โดยธนาคารรายงานจำนวนบัญชีเงินฝากเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 26 ขณะที่ปริมาณเงินกู้โดยรวมเพิ่มขึ้น 6–8% CFO กล่าวว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง และอาจแตะระดับ 15.5–15.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในไตรมาส 4 โดยการเติบโตของเงินกู้คาดว่าจะอยู่ในระดับกลางเลขหลักเดียว (ประมาณ 4–6%) และค่าใช้จ่ายดำเนินงานคาดว่าจะคงที่หรือลดลงภายในสิ้นปี รายได้จากการซื้อขายก็คาดว่าจะเติบโตในระดับกลางเลขหลักเดียวเช่นกัน ซึ่งจะเป็นการขยายสถิติการเติบโตต่อเนื่อง 13 ไตรมาส

ธุรกิจวาณิชธนกิจยังคงเป็นจุดอ่อน โดยรายได้จากค่าธรรมเนียมลดลงประมาณ 9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แม้ว่าฝ่ายบริหารจะคาดการณ์ว่ากิจกรรมการทำดีลต่างๆ จะเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี

นอกจากนี้ ธนาคารยังยืนยันกลยุทธ์ในพื้นที่ stablecoin โดยมีแผนที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มของตนเองหรือสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินดิจิทัลระดับสถาบัน

หุ้น BAC มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันแรกของการซื้อขายหลังการเปิดเผยรายงานไตรมาส 2 ปี 2025 การปรับขึ้นดังกล่าวได้แรงหนุนจากกำไรที่ดีกว่าคาด รายได้ดอกเบี้ยสุทธิระดับสูงสุด และรายได้จากการซื้อขายที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ความตื่นเต้นถูกจำกัดโดยรายได้รวมที่ต่ำกว่าคาด ค่าใช้จ่ายที่สูง และความอ่อนแออย่างต่อเนื่องในธุรกิจวาณิชธนกิจ ปัจจัยเสี่ยงในภาพรวมทางเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายการค้า มีส่วนทำให้ตลาดตอบสนองด้วยความระมัดระวัง

การคาดการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญสำหรับหุ้น Bank of America Corp ในปี 2025

  • Barchart: นักวิเคราะห์ 17 คนจากทั้งหมด 25 คนให้คะแนนหุ้น Bank of America ว่า “Strong Buy” (แนะนำซื้ออย่างแข็งแกร่ง), ห้าคนให้คะแนนว่า “Moderate Buy” (แนะนำซื้อแบบปานกลาง) และอีกสามคนให้ “Hold” (ถือครอง) เป้าหมายราคาสูงสุดสำหรับคำแนะนำซื้ออยู่ที่ 59 ดอลลาร์สหรัฐ
  • MarketBeat: ผู้เชี่ยวชาญ 18 คนจาก 23 คนให้เรตติ้ง “Buy” และอีกห้าคนแนะนำ “Hold” เป้าหมายราคาสำหรับคำแนะนำ “Sell” คือ 56.00 ดอลลาร์สหรัฐ
  • TipRanks: ผู้เชี่ยวชาญ 15 คนจาก 18 คนแนะนำ “Buy” และอีกสามคนแนะนำ “Hold” เป้าหมายราคาสูงสุดสำหรับคำแนะนำซื้ออยู่ที่ 57 ดอลลาร์สหรัฐ
  • Stock Analysis: นักวิเคราะห์หกคนจากทั้งหมด 20 คนให้เรตติ้ง “Strong Buy”, เก้าคนให้ “Buy”, และอีกสี่คนแนะนำ “Hold” เป้าหมายราคาสำหรับโอกาสขาขึ้นอยู่ที่ 56 ดอลลาร์สหรัฐ

ภาพแสดงการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญสำหรับหุ้น Bank of America Corporation ในปี 2025
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

ภาพแสดงการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญสำหรับหุ้น Bank of America Corporation ในปี 2025

ภาพแสดงการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญสำหรับหุ้น Bank of America Corporation ในปี 2025

ในกรอบเวลาแบบรายสัปดาห์ หุ้นของ Bank of America กำลังซื้อขายภายในช่องทางขาขึ้น สองสัปดาห์ก่อนการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 หุ้น BAC ได้ทะลุจุดสูงสุดในอดีตที่ 47.00 ดอลลาร์สหรัฐ และทำจุดสูงสุดใหม่ที่ประมาณ 49.20 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ห้าวันก่อนการประกาศรายงาน ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 47.00 ดอลลาร์สหรัฐ และยังคงซื้อขายอยู่ต่ำกว่าระดับแนวต้านสำคัญนี้ การทะลุขึ้นเหนือระดับนี้อาจเป็นตัวเร่งให้เกิดแนวโน้มขาขึ้นต่อไป

โดยพิจารณาจากพลวัตของหุ้นในปัจจุบัน การคาดการณ์ราคาหุ้น BAC สำหรับปี 2025 มีดังนี้:

สถานการณ์เชิงบวก ของการคาดการณ์ราคาหุ้น BAC คาดว่าราคาจะทะลุแนวต้านที่ 47.00 ดอลลาร์สหรัฐอีกครั้ง ในกรณีนี้ ราคามีโอกาสขึ้นไปถึงขอบบนของช่องทางขาขึ้นใกล้ระดับ 53.00 ดอลลาร์สหรัฐ หากแนวโน้มตลาดยังคงเป็นขาขึ้น และหุ้น BAC สามารถทะลุแนวต้านด้านบนของช่องทางนี้ได้ เป้าหมายถัดไปอาจอยู่ที่ 61.40 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งได้จากระดับ Fibonacci retracement

สถานการณ์ทางเลือก สำหรับหุ้น BAC คาดว่าราคาจะปรับตัวลดลงไปยังระดับแนวรับใกล้เคียงที่ 42.50 ดอลลาร์สหรัฐ การดีดตัวขึ้นจากระดับนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตใหม่ภายในแนวโน้มขาขึ้นที่กว้างขึ้น โดยมีเป้าหมายที่ขอบบนของช่องทางราว ๆ 53.00 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดระดับแนวรับที่ 42.50 ดอลลาร์สหรัฐ อาจเปิดทางให้เกิดการปรับฐานลึกยิ่งขึ้นไปยังแนวรับแนวโน้มที่ใกล้ระดับ 36.50 ดอลลาร์สหรัฐ

การวิเคราะห์และคาดการณ์ราคาหุ้น Bank of America Corporation สำหรับปี 2025
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

การวิเคราะห์และคาดการณ์ราคาหุ้น Bank of America Corporation สำหรับปี 2025

การวิเคราะห์และคาดการณ์ราคาหุ้น Bank of America Corporation สำหรับปี 2025

ความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นของ Bank of America Corporation ประกอบด้วยปัจจัยหลายประการ ดังนี้:

  • ความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย: ความสามารถในการทำกำไรของ Bank of America เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับอัตราดอกเบี้ย การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากสินทรัพย์ แต่ขณะเดียวกันก็เพิ่มต้นทุนเงินฝาก ทำให้อาจลดรายได้จากดอกเบี้ยสุทธิ หากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ไว้ ก็อาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อรายได้ดอกเบี้ยและมูลค่าหุ้น BAC
  • ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง: การกลับมาใช้นโยบายภาษีของรัฐบาลทรัมป์ก่อให้เกิดความผันผวนในตลาด แม้จะเพิ่มรายได้จากการซื้อขายในระยะสั้น แต่ก็เพิ่มความไม่แน่นอนด้วยเช่นกัน ความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับจีน อาจกระทบต่อตลาดโลกและลดรายได้ของ BAC จากการดำเนินงานในต่างประเทศ
  • รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจลดลง: ท่ามกลางความไม่แน่นอน กิจกรรมในตลาดที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการ (M&A) และการเสนอขายหุ้น (IPO) ได้ชะลอตัวลง ส่งผลให้รายได้จากค่าธรรมเนียวลดลงตามไปด้วย
  • ความเสี่ยงด้านเครดิต: การเพิ่มขึ้นของเงินสำรองสำหรับการสูญเสียจากสินเชื่อ บ่งชี้ว่าธนาคารคาดการณ์ว่าจะมีการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อเชิงพาณิชย์ สัดส่วนของสินเชื่อที่มีปัญหากำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดจำหน่ายหนี้เสีย และรายได้จากค่าธรรมเนียวที่ลดลง

แม้ว่า Bank of America จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในหลายด้าน นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงเหล่านี้ด้วย เนื่องจากอาจกดดันต่อผลประกอบการทางการเงินของบริษัทในอนาคต

โปรดทราบ!

การคาดการณ์ที่นำเสนอในส่วนนี้จะสะท้อนให้เห็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้แต่งเท่านั้น และจะไม่สามารถถูกพิจารณาว่าเป็นแนวทางสำหรับการซื้อขาย RoboForex ไม่รับผิดชอบสำหรับผลลัพธ์การซื้อขายที่อ้างอิงตามคำแนะนำการซื้อขายที่อธิบายเอาไว้ในบทวิจารณ์การวิเคราะห์เหล่านี้