การซื้อหุ้นคืนที่ทำสถิติสูงสุดและภัยคุกคามจากภาษีนำเข้า: การคาดการณ์ล่าสุดสำหรับหุ้นของ Apple

12.05.2025

ภาษีนำเข้าอาจทำให้ Apple เสียค่าใช้จ่าย 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่โครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 110 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอาจช่วยสนับสนุนหุ้น AAPL

Apple Inc. (NASDAQ: AAPL) รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาดสำหรับไตรมาสที่ 2 ปีการเงิน 2025 โดยมีรายได้ถึง 95.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.65 ดอลลาร์สหรัฐ การเติบโตนี้เกิดจากยอดขาย iPhone, iPad และ Mac ที่สูงกว่าคาด ขณะที่รายได้จากบริการเพิ่มขึ้น 12% แต่ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้จะมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ราคาหุ้นของบริษัทกลับร่วงลงมากกว่า 4% หลังการประกาศ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับต้นทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการเก็บภาษีนำเข้า ซึ่งฝ่ายบริหารของ Apple ประเมินไว้ที่ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

บทความนี้วิเคราะห์ Apple Inc. โดยรวมถึงการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจากรายงานทางการเงิน ข้อได้เปรียบและข้อจำกัด ตลอดจนการวิเคราะห์ทางเทคนิคของหุ้น Apple ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการคาดการณ์ราคาหุ้นของ Apple ในปี 2025

เกี่ยวกับบริษัท Apple Inc.

Apple Inc. เป็นบริษัทสัญชาติสหรัฐฯ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1976 โดย Steve Jobs, Stephen Wozniak และ Ronald Wayne เดิมทีบริษัทมุ่งเน้นในการผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แต่ต่อมาได้ขยายกิจการจนกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค Apple เป็นที่รู้จักในด้านอุปกรณ์ที่สร้างสรรค์ เช่น iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ AirPods รวมถึงระบบนิเวศที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งผสานผลิตภัณฑ์เหล่านี้เข้ากับบริการต่างๆ ของบริษัท

Apple เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 1980 ภายใต้สัญลักษณ์ AAPL โดยสามารถระดมทุนได้ประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นหนึ่งใน IPO ที่ใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคนั้น

ความต้องการของนักลงทุนอย่างต่อเนื่องทำให้มูลค่าหุ้นของ Apple เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนทำให้จำนวนผู้ที่สามารถซื้อหุ้นได้จำกัด ส่งผลให้บริษัทได้ทำการแตกหุ้นทั้งหมด 4 ครั้งในประวัติศาสตร์ เพื่อลดมูลค่าต่อหุ้นและเพิ่มจำนวนหุ้นที่หมุนเวียน ในปี 1980 มีหุ้นหมุนเวียนประมาณ 4.6 ล้านหุ้น และภายในปี 2024 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเกิน 15 พันล้านหุ้นแล้ว

นอกเหนือจากความต้องการของนักลงทุน Apple ยังสร้างความต้องการในตลาดผ่านการซื้อหุ้นคืน กลยุทธ์นี้ช่วยลดจำนวนหุ้นที่หมุนเวียนในตลาด ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นของหุ้นที่เหลือเพิ่มขึ้น และทำให้หลักทรัพย์น่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับนักลงทุน ตั้งแต่ปี 2012 ที่ Apple เริ่มโครงการซื้อหุ้นคืน บริษัทได้จัดสรรงบประมาณประมาณ 700 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับโครงการนี้ ทำให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าการซื้อหุ้นคืนสูงที่สุดในโลก แซงหน้าบริษัทขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมอื่นๆ

การซื้อหุ้นคืนนี้ได้รับการสนับสนุนจากกระแสเงินสดอิสระ (free cash flow) และเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ

ภาพชื่อบริษัท Apple Inc.
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

ภาพชื่อบริษัท Apple Inc.

แหล่งรายได้หลักของ Apple Inc.

ในปี 2025 รายได้ของบริษัทมาจากแหล่งต่อไปนี้:

  • iPhone: แหล่งรายได้หลักของบริษัท คิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด เนื่องจากความนิยมของสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ
  • iPad และ Mac: รายได้จากการขายแท็บเล็ตและคอมพิวเตอร์ สำหรับการใช้งานทั้งส่วนบุคคลและธุรกิจ แม้ว่าสัดส่วนในรายได้รวมจะลดลง แต่ยังคงเป็นส่วนสำคัญของโมเดลธุรกิจของ Apple
  • อุปกรณ์สวมใส่ สินค้าในบ้าน และอุปกรณ์เสริม: รายได้จากการขาย Apple Watch, AirPods และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ รวมถึง MagSafe และแอปสำหรับ iPhone, Mac และ iPad
  • บริการ: ส่วนธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงการสมัครใช้งาน Apple Music, Apple TV+, iCloud, App Store และบริการอื่นๆ กลุ่มนี้กลายเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้ที่ทำกำไรได้มากที่สุดของบริษัท
  • บริการทางการเงิน: Apple พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เช่น ระบบชำระเงิน Apple Pay และบัตรเครดิต Apple Card โดยมีการขยายบริการอย่างมากในปี 2024
  • ผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับองค์กร: Apple เสนออุปกรณ์และบริการที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับลูกค้าองค์กร รวมถึงธุรกิจ สถาบันการศึกษา และหน่วยงานด้านสุขภาพ

สรุป: จากข้อมูลข้างต้น Apple สร้างรายได้ทั้งจากการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และจากการสมัครใช้บริการดิจิทัล รวมถึงค่าคอมมิชชั่นจากธุรกรรมใน App Store

จุดแข็งและจุดอ่อนของ Apple Inc.

Apple มีข้อได้เปรียบหลายประการเหนือคู่แข่ง ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำระดับโลกและทำกำไรได้สูงอย่างต่อเนื่อง:

  • แบรนด์ที่แข็งแกร่งและความภักดีของลูกค้า: Apple มีแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและมีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ผู้ใช้มีความภักดีต่อผลิตภัณฑ์ของ Apple อย่างมาก โดยมักใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ต่อเนื่องหลายปี พร้อมอัปเกรดอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ และใช้จ่ายมากขึ้นกับสินค้าและบริการของ Apple
  • ระบบนิเวศของผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์: Apple สร้างระบบนิเวศแบบบูรณาการที่เชื่อมโยงระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ (iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และอื่นๆ) และบริการ (iCloud, Apple Music, Apple TV+, App Store) ได้อย่างราบรื่น ระบบที่ใช้งานง่ายนี้ส่งเสริมความภักดีของผู้ใช้ และทำให้การเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งมีความน่าดึงดูดน้อยลง
  • การควบคุมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์: บริษัทมีการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด ทำให้สามารถออกแบบอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและเหมาะสมที่สุด ซึ่งรับประกันคุณภาพ ความปลอดภัย และความเสถียร เป็นข้อได้เปรียบที่คู่แข่งที่พึ่งพาผู้ผลิตภายนอกหรือระบบปฏิบัติการของบุคคลที่สามไม่สามารถเลียนแบบได้ง่าย
  • นวัตกรรมและการออกแบบ: Apple เป็นที่รู้จักในด้านแนวคิดการออกแบบที่โดดเด่นและการใส่ใจในความต้องการของผู้ใช้ บริษัทลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อนำเสนอฟีเจอร์พิเศษและดีไซน์ที่โดดเด่น
  • ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมาร์จิ้นสูง: Apple รักษาความสามารถในการทำกำไรได้อย่างมั่นคงด้วยกลยุทธ์การตั้งราคาพรีเมียมและผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง แนวทางนี้ช่วยให้บริษัทสามารถรักษาเสถียรภาพทางการเงินในขณะเดียวกันก็ลงทุนในนวัตกรรมในอนาคต การตลาด และการซื้อหุ้นคืน
  • การให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย: Apple ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ บริษัทได้ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงในระบบปฏิบัติการ iOS และผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยใช้การยืนยันตัวตนทางชีวภาพเพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญ และจำกัดการแบ่งปันข้อมูลกับบุคคลภายนอก
  • แหล่งรายได้ที่หลากหลาย: นอกจากการขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว Apple ยังพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน (Apple Pay, Apple Card) อย่างจริงจัง ซึ่งช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคง แม้ในช่วงที่ยอดขายอุปกรณ์ลดลง

ข้อได้เปรียบข้างต้นช่วยให้ Apple ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดแม้ต้องเผชิญกับการแข่งขันจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำรายอื่น

อย่างไรก็ตาม Apple ก็มีจุดอ่อนบางประการที่คู่แข่งอาจใช้เป็นช่องทางได้ จุดอ่อนเหล่านี้เกี่ยวข้องกับลักษณะเฉพาะของระบบนิเวศของ Apple และปัจจัยภายนอก รวมถึงการถูกตรวจสอบด้านกฎหมายการแข่งขันทางการค้า:

  • การพึ่งพาระบบปิด (Closed-loop Systems): ระบบนิเวศของ Apple (App Store, iCloud, iMessage และบริการอื่นๆ) ดำเนินงานภายใต้โครงสร้างระบบปิด ซึ่งจำกัดโอกาสของผู้ใช้เป็นอย่างมาก คู่แข่งที่ให้บริการระบบที่เปิดกว้างมากกว่า (เช่น อุปกรณ์ Android ที่มีแอปให้เลือกหลากหลาย) สามารถดึงดูดผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายของฟีเจอร์และเสรีภาพในการเลือกใช้ นอกจากนี้ หน่วยงานกำกับดูแลยังวิพากษ์วิจารณ์ระบบปิดของ Apple ว่าเป็นการจำกัดการแข่งขัน
  • ค่าคอมมิชชั่น App Store สูง: ค่าธรรมเนียมที่ Apple เรียกเก็บจากนักพัฒนาแอปบน App Store อยู่ในระดับสูง ทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากผู้พัฒนารายใหญ่ เช่น Epic Games (ผู้พัฒนาเกม Fortnite) ที่กล่าวหาว่า Apple ผูกขาดตลาดอย่างไม่เป็นธรรม นักพัฒนาจำนวนมากพยายามหาวิธีเลี่ยงการใช้ App Store ซึ่งอาจกระทบรายได้ของ Apple อีกทั้งหน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันก็เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนนโยบาย App Store ซึ่งอาจลดค่าคอมมิชชั่นและจำกัดการควบคุมระบบนิเวศของ Apple
  • การสอบสวนด้านกฎหมายแข่งขันทางการค้า: Apple กำลังเผชิญกับคดีผูกขาดหลายกรณีในสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับ App Store และ Apple Pay หากมีคำสั่งให้ Apple ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทอาจมีความสามารถในการทำกำไรลดลง และสูญเสียการควบคุมระบบนิเวศของตน
  • การพึ่งพายอดขาย iPhone: Apple ได้รับรายได้จำนวนมากจากการขาย iPhone แม้จะมีความพยายามกระจายรายได้ (เช่น Apple Watch, AirPods และบริการ) แต่การพึ่งพา iPhone ยังอยู่ในระดับสูง คู่แข่งอย่าง Samsung Electronics Co Ltd และ Xiaomi Corp เสนออุปกรณ์ที่มีนวัตกรรมทั้งกล้อง หน้าจอ และการออกแบบ ซึ่งอาจเป็นภัยคุกคามต่อยอดขาย iPhone หากความสนใจใน iPhone ลดลง ย่อมส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
  • การแข่งขันที่รุนแรงในกลุ่มบริการและการสมัครสมาชิก: แม้ Apple จะขยายกลุ่มบริการและการสมัครสมาชิกอย่างรวดเร็ว (Apple Music, Apple TV+, iCloud และ Apple Arcade) แต่ก็เผชิญกับคู่แข่งรายใหญ่ในกลุ่มนี้ เช่น Netflix Inc. (NASDAQ: NFLX), Spotify Technology S.A. (NYSE: SPOT), Walt Disney Co. (NYSE: DIS) และอื่นๆ ซึ่งมีบริการที่ราคาถูกกว่าและเปิดกว้างมากกว่า หากผู้ใช้ไม่ผูกติดกับอุปกรณ์ของ Apple พวกเขาอาจเลือกย้ายออกจากระบบของ Apple

จุดอ่อนเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงทั้งจากภายนอกและภายในต่อ Apple โดยเฉพาะการสอบสวนด้านการผูกขาดที่อาจส่งผลต่อการควบคุม App Store และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับคู่แข่ง หากมีการสั่งปรับจำนวนมากหรือ Apple ต้องปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ อาจกระทบต่อกำไรและสถานะในตลาดอย่างรุนแรง ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 Apple ถูกปรับ 10.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหภาพยุโรป ซึ่งส่งผลเสียต่อกำไรของบริษัท และหน่วยงานกำกับดูแลยังคงเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด โดยมีความเป็นไปได้ที่ Apple อาจถูกปรับเพิ่มอีกถึง 10% ของรายได้รวมทั้งปี

รายงานทางการเงินไตรมาสที่ 4 ปี 2024 ของ Apple Inc.

Apple รายงานผลประกอบการทางการเงินที่แข็งแกร่งสำหรับไตรมาสที่ 4 ของปีการเงิน 2024 โดยมีตัวเลขสำคัญดังนี้ (https://investor.apple.com/investor-relations/default.aspx):

  • รายได้: 94.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+6%)
  • กำไรสุทธิ: 14.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-36%)
  • กำไรต่อหุ้น: 0.97 ดอลลาร์สหรัฐ (-34%)
  • กำไรจากการดำเนินงาน: 29.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+9%)

รายได้แยกตามหมวดสินค้า:

  • iPhone: 46.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+5%)
  • Mac: 7.74 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+2%)
  • iPad: 6.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+8%)
  • อุปกรณ์สวมใส่ สินค้าในบ้าน และอุปกรณ์เสริม: 9.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-3%)
  • บริการ: 24.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+12%)

รายได้แยกตามภูมิภาค:

  • อเมริกา: 41.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+4%)
  • ยุโรป: 24.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+11%)
  • จีนแผ่นดินใหญ่: 15.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-1%)
  • ญี่ปุ่น: 5.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+8%)
  • เอเชียแปซิฟิกอื่นๆ: 7.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+16%)

เกือบทุกตัวชี้วัด ยกเว้นกลุ่มอุปกรณ์สวมใส่ สินค้าในบ้าน และอุปกรณ์เสริม แสดงถึงการเติบโต อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิของบริษัทลดลงถึง 36% ซึ่งเป็นผลมาจากค่าปรับ 10.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่สหภาพยุโรปเรียกเก็บ หากไม่นับรายการจ่ายเพียงครั้งนี้ กำไรสุทธิของไตรมาสที่ 4 ปี 2024 จะเพิ่มขึ้น 8%

บริษัทให้การคาดการณ์ที่ระมัดระวังสำหรับไตรมาสถัดไป โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตในระดับตัวเลขหลักเดียวตอนต้นถึงกลางเมื่อเทียบรายปี รายได้จากบริการคาดว่าจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 46-47% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 1-2%

รายงานทางการเงินไตรมาสที่ 1 ปี 2025 ของ Apple Inc.

Apple เผยแพร่รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2025 เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2025 โดยมีข้อมูลสำคัญดังนี้ (https://investor.apple.com/investor-relations/default.aspx):

  • รายได้: 124.30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+4%)
  • กำไรสุทธิ: 36.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+7%)
  • กำไรต่อหุ้น: 2.40 ดอลลาร์สหรัฐ (+10%)
  • กำไรจากการดำเนินงาน: 42.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+6%)

รายได้แยกตามหมวดสินค้า:

  • iPhone: 69.13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-1%)
  • Mac: 8.99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+15%)
  • iPad: 8.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+15%)
  • อุปกรณ์สวมใส่ สินค้าในบ้าน และอุปกรณ์เสริม: 11.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-2%)
  • บริการ: 26.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+14%)

รายได้แยกตามภูมิภาค:

  • อเมริกา: 52.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+4%)
  • ยุโรป: 33.86 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+11%)
  • จีนแผ่นดินใหญ่: 18.51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-11%)
  • ญี่ปุ่น: 8.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+15%)
  • เอเชียแปซิฟิกอื่นๆ: 10.29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+1%)

สำหรับการคาดการณ์ไตรมาสที่ 2 ปี 2025 Apple คาดว่ารายได้จะเติบโตในช่วงตัวเลขหลักเดียวตอนต้นถึงกลาง เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หมายความว่ารายได้อาจอยู่ในช่วงประมาณ 98 ถึง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รายได้จากบริการคาดว่าจะเติบโตในระดับตัวเลขหลักเดียวตอนต้น

จากข้อมูลรายงาน Apple ทำสถิติผลประกอบการใหม่ในไตรมาสที่ 1 ปี 2025 แม้จะมีความท้าทายในบางกลุ่ม รายได้รวมเพิ่มขึ้น 4% สู่ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 124.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ EPS เพิ่มขึ้น 10% สู่ 2.40 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

กลุ่ม iPhone มียอดขายลดลงเล็กน้อย แสดงถึงความต้องการที่ทรงตัวหรือตอบรับต่อ iPhone 16 รุ่นใหม่ที่ไม่แรงเท่าที่คาด ยอดขาย Mac เติบโตจากการเปิดตัวรุ่นใหม่ที่ใช้ชิป M4 ส่วน iPad ก็ขยายตัวจากการอัปเกรดโมเดลใหม่ ในทางตรงกันข้าม กลุ่มอุปกรณ์สวมใส่ สินค้าในบ้าน และอุปกรณ์เสริมลดลง ซึ่งอาจสะท้อนถึงภาวะอิ่มตัวของตลาดหรือการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ด้านบริการของ Apple เช่น App Store, Apple Music, iCloud และ AppleCare เติบโตแข็งแกร่ง สะท้อนถึงแนวทางกลยุทธ์ใหม่ที่เน้นการกระจายรายได้ผ่านการสมัครใช้งานและบริการ

ยอดขายในจีนลดลงอย่างมากถึง 11% สะท้อนถึงปัญหาในตลาดนี้จากการแข่งขันในประเทศและปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม การเติบโตในภูมิภาคอื่นๆ เช่น อเมริกา ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก ช่วยชดเชยความสูญเสียบางส่วน โดยรวมแล้ว Apple แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและศักยภาพในการเติบโตแม้จะเผชิญกับความท้าทายทางการตลาด

รายงานทางการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 2025 ของ Apple Inc.

Apple เผยแพร่รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่ 2 ของปีการเงิน 2025 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2025 โดยมีตัวเลขสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2024 ดังนี้ (https://investor.apple.com/investor-relations/default.aspx):

  • รายได้: 95.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+5%)
  • กำไรสุทธิ: 24.78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+5%)
  • กำไรต่อหุ้น: 1.65 ดอลลาร์สหรัฐ (+8%)
  • กำไรจากการดำเนินงาน: 29.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+6%)

รายได้แยกตามหมวดหมู่สินค้า:

  • ยอดขายสุทธิจากผลิตภัณฑ์: 68.71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+3%)
  • ยอดขายสุทธิจากบริการ: 26.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+12%)
  • iPhone: 46.84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+2%)
  • Mac: 7.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+7%)
  • iPad: 6.40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+15%)
  • อุปกรณ์สวมใส่ สินค้าในบ้าน และอุปกรณ์เสริม: 7.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-5%)

รายได้แยกตามภูมิภาค:

  • อเมริกา: 40.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+8%)
  • ยุโรป: 24.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+1%)
  • จีนแผ่นดินใหญ่: 16.00 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (-2%)
  • ญี่ปุ่น: 7.30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+16%)
  • เอเชียแปซิฟิกอื่นๆ: 7.29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+8%)

รายงานของ Apple Inc. สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2025 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่มั่นคงควบคู่กับความท้าทายที่เริ่มปรากฏ รายได้แตะที่ 95.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 8% สู่ระดับ 1.65 ดอลลาร์สหรัฐ

กลุ่มบริการมีผลงานโดดเด่นเป็นพิเศษ โดยทำสถิติสูงสุด รายได้จากกลุ่มนี้อยู่ที่ 26.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบรายปี ตอกย้ำถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ของ Apple ที่มุ่งเป้าไปยังแหล่งรายได้ประจำที่มั่นคง ณ เดือนพฤษภาคม 2025 จำนวนผู้สมัครใช้บริการแบบชำระเงินของ Apple เกิน 1 พันล้านบัญชีแล้ว

ยอดขาย iPhone ก็แสดงถึงความแข็งแกร่งเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 2% สู่ 46.84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ยอดขายในจีนจะลดลง 2% แต่ก็ถูกชดเชยด้วยการเติบโตในภูมิภาคอเมริกาและญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม บริษัทก็เผชิญกับความท้าทายสำคัญหลายประการ ประการแรกคือความเป็นไปได้ในการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าใหม่ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าที่ประกอบในประเทศจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 ของปีการเงิน Apple ประเมินว่า หากมาตรการภาษีตามนโยบายการค้าสหรัฐฯ ฉบับปรับปรุงมีผลบังคับใช้ ต้นทุนรวมของบริษัทอาจแตะระดับ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในไตรมาสเดือนมิถุนายน โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้เกี่ยวข้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของชิ้นส่วนที่ผลิตหรือประกอบในจีน รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก เช่น iPhone, MacBook และอุปกรณ์เสริมต่างๆ การเพิ่มขึ้นของต้นทุนเหล่านี้อาจทำให้มาร์จิ้นลดลงและกระทบต่อราคาขายปลีกรวมถึงอุปสงค์ในตลาด ฝ่ายบริหารของ Apple แสดงความกังวลอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนในความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน บริษัทกำลังเร่งปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการย้ายการประกอบ iPhone สำหรับตลาดสหรัฐฯ ไปยังประเทศอินเดีย แต่กระบวนการนี้ต้องใช้ทั้งเวลาและเงินลงทุน

ประการที่สองคือ การสอบสวนกรณีผูกขาดและกระบวนการทางกฎหมายอย่างต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างและข้อกำหนดของ App Store สำหรับนักพัฒนาบุคคลที่สาม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจบริการ เนื่องจาก App Store เป็นองค์ประกอบสำคัญของแหล่งรายได้ที่เติบโตเร็วนี้

ประการที่สามคือ ความล่าช้าในการเปิดตัวเวอร์ชันอัปเดตของผู้ช่วยเสียง Siri ซึ่งได้รับความคาดหวังสูงในบริบทของการพัฒนา AI แบบสร้างสรรค์ (generative AI) ความล่าช้านี้ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนวัตกรรมด้านประสบการณ์ผู้ใช้และความก้าวหน้าในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของ Apple

สำหรับแนวโน้มข้างหน้า Apple คาดว่ารายได้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 จะเติบโตในระดับตัวเลขหลักเดียวตอนต้นถึงกลาง พร้อมอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดไว้ระหว่าง 45.5% ถึง 46.5% การคาดการณ์นี้สะท้อนถึงความระมัดระวังอย่างมีความหวังของบริษัท ท่ามกลางแรงกดดันจากตลาดและความท้าทายภายใน

สำหรับผู้ถือหุ้นของ Apple การประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนขนาดใหญ่ มูลค่า 110 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการเพิ่มเงินปันผลรายไตรมาสขึ้น 4% เป็น 0.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น นับเป็นข่าวดีที่สร้างความเชื่อมั่นต่อทิศทางระยะยาวของบริษัท

การคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญต่อหุ้น Apple Inc. ในปี 2025

  • Barchart: จากนักวิเคราะห์ 37 ราย มี 18 รายแนะนำว่า "ซื้ออย่างแข็งแกร่ง" (Strong Buy), 4 รายแนะนำว่า "ซื้อในระดับปานกลาง" (Moderate Buy), 12 รายแนะนำให้ "ถือ" (Hold), 1 รายแนะนำให้ "ขาย" (Sell) และ 2 รายแนะนำว่า "ขายอย่างแข็งแกร่ง" (Strong Sell) ราคาสูงสุดที่คาดการณ์ไว้คือ 300 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนราคาต่ำสุดที่คาดการณ์ไว้คือ 141 ดอลลาร์สหรัฐ
  • MarketBeat: จากนักวิเคราะห์ 34 ราย มี 20 รายให้คำแนะนำ "ซื้อ" (Buy), 11 รายแนะนำให้ "ถือ" (Hold), และ 3 รายแนะนำให้ "ขาย" (Sell) ราคาสูงสุดที่คาดการณ์ไว้คือ 300 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนราคาต่ำสุดคือ 170 ดอลลาร์สหรัฐ
  • TipRanks: จากผู้เชี่ยวชาญ 29 ราย มี 17 รายแนะนำให้ "ซื้อ" (Buy), 8 รายแนะนำให้ "ถือ" (Hold) และ 4 รายแนะนำให้ "ขาย" (Sell) ราคาสูงสุดที่คาดการณ์ไว้คือ 300 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนราคาต่ำสุดคือ 170 ดอลลาร์สหรัฐ
  • Stock Analysis: จากผู้เชี่ยวชาญ 36 ราย มี 13 รายให้คะแนนว่า "ซื้ออย่างแข็งแกร่ง" (Strong Buy), 10 รายให้คะแนนว่า "ซื้อ" (Buy), 9 รายให้ "ถือ" (Hold), 3 รายให้ "ขาย" (Sell), และ 1 รายให้ "ขายอย่างแข็งแกร่ง" (Strong Sell) ราคาสูงสุดที่คาดการณ์ไว้คือ 300 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนราคาต่ำสุดที่คาดการณ์ไว้คือ 160 ดอลลาร์สหรัฐ

การคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญสำหรับหุ้น AAPL ในปี 2025
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

การคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญสำหรับหุ้น AAPL ในปี 2025

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการคาดการณ์หุ้นของ Apple Inc. ในปี 2025

ในกรอบเวลาแบบรายสัปดาห์ หุ้นของ Apple ซื้อขายอยู่ในช่องทางขาขึ้น (ascending channel) โดยในเดือนเมษายน 2025 ราคาหุ้น AAPL ดีดตัวจากเส้นแนวโน้มซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นแนวรับ สัญญาณนี้แสดงถึงจุดสิ้นสุดของการปรับฐานราคา และการกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง จากพฤติกรรมราคาหุ้น Apple ปัจจุบัน ความเป็นไปได้ของการเคลื่อนไหวราคาสำหรับปี 2025 มีดังนี้:

แนวโน้มเชิงบวก (กรณีพื้นฐาน) สำหรับหุ้น AAPL คาดว่าจะทะลุแนวต้านที่ระดับ 210 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจกระตุ้นให้ราคาพุ่งต่อไปสู่จุดสูงสุดในอดีตที่ 260 ดอลลาร์สหรัฐ การคาดการณ์นี้ได้รับแรงหนุนจากโครงการซื้อหุ้นคืนขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณกว่า 110 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

แนวโน้มเชิงลบ (กรณีทางเลือก) สำหรับหุ้น Apple คาดว่าจะหลุดแนวรับที่ระดับ 195 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในกรณีนี้ ราคาหุ้น AAPL อาจลดลงไปถึง 165 ดอลลาร์สหรัฐ

การวิเคราะห์และคาดการณ์หุ้น AAPL สำหรับปี 2025
Risk Warning: the result of previous trading operations do not guarantee the same results in the future

การวิเคราะห์และคาดการณ์หุ้น AAPL สำหรับปี 2025
โปรดทราบ!

การคาดการณ์ที่นำเสนอในส่วนนี้จะสะท้อนให้เห็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้แต่งเท่านั้น และจะไม่สามารถถูกพิจารณาว่าเป็นแนวทางสำหรับการซื้อขาย RoboForex ไม่รับผิดชอบสำหรับผลลัพธ์การซื้อขายที่อ้างอิงตามคำแนะนำการซื้อขายที่อธิบายเอาไว้ในบทวิจารณ์การวิเคราะห์เหล่านี้