คำตัดสินของศาลที่ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ สร้างความหวังให้กับนักลงทุนอีกครั้ง ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเปลี่ยนความสนใจไปยังตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยกำหนดแนวโน้มของดัชนีหุ้นทั่วโลก ติดตามเพิ่มเติมได้ในบทวิเคราะห์และการคาดการณ์ดัชนีหุ้นทั่วโลกประจำวันที่ 10 มิถุนายน 2025
การเติบโตของการจ้างงาน (NFP) ที่ระดับปานกลางช่วยลดความเสี่ยงจากการดำเนินนโยบายการเงินเชิงรุกของ Fed ซึ่งอาจสนับสนุนหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีและสินค้าอุปโภคบริโภค ข้อมูลนี้สามารถคงแนวโน้มขาขึ้นในตลาดไว้ได้ แม้ไม่มีแรงผลักดันที่แข็งแกร่ง นักลงทุนอาจรอสัญญาณเพิ่มเติมจากข้อมูล CPI และความคิดเห็นของ Fed
ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อยังคงมีความสำคัญ ในสหรัฐฯ ประมาณ 70% ของบริษัทที่เผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีได้นำภาระดังกล่าวไปผลักภาระให้ผู้บริโภค: ราว 30% ของบริษัทผู้ผลิต และ 45% ของบริษัทด้านบริการผลักภาระทั้งหมดไปให้ผู้บริโภค ในขณะที่ 45% ของผู้ผลิต และ 30% ของผู้ให้บริการส่งผ่านต้นทุนบางส่วน
ดัชนี US 30 ทะลุแนวต้านที่ระดับ 42,590.0 โดยยังไม่มีการสร้างแนวต้านใหม่ ระดับแนวรับขยับขึ้นมาอยู่ที่ 42,205.0 มุมมองต่อดัชนียังคงไม่แน่นอน โมเมนตัมของแนวโน้มขาขึ้นในปัจจุบันค่อนข้างอ่อนแอ และอาจเปลี่ยนไปสู่ช่วงการแกว่งตัวในกรอบ
การคาดการณ์ราคาสำหรับ US 30 พิจารณาดังนี้:
ดัชนี US 500 ยังคงปรับตัวขึ้น โดยระดับแนวรับขยับขึ้นมาอยู่ที่ 5,920.0 ราคาได้ทะลุแนวต้านเดิมที่ 5,985.0 และขณะนี้ยังไม่มีแนวต้านใหม่ การเคลื่อนไหวของราคาอยู่ในช่วงพยายามยืนเหนือระดับแนวต้านเดิม
การคาดการณ์ราคาสำหรับ US 500 พิจารณาดังนี้:
ดัชนี US Tech ทะลุแนวต้านที่ 21,780.0 โดยยังไม่มีแนวต้านใหม่ ระดับแนวรับขยับขึ้นมาอยู่ที่ 21,460.0 มีแนวโน้มที่จะก่อตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางที่มั่นคง
การคาดการณ์ราคาสำหรับ US Tech พิจารณาดังนี้:
การเติบโตของ GDP ของญี่ปุ่นอยู่ที่ 0.0% ดีกว่าที่คาดไว้ซึ่งอยู่ที่ -0.2% แต่ยังแย่กว่าไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ +0.6% สิ่งนี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีเสถียรภาพแม้จะเผชิญแรงกดดันจากภายนอก นักลงทุนอาจคาดหวังว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะผ่อนคลายนโยบาย: ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจเติบโตช้าและไม่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ การกระตุ้นเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไป
กลุ่มบริษัทที่เน้นตลาดภายในประเทศจะได้รับประโยชน์มากกว่า โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก และขนส่ง อย่างไรก็ตาม การไม่มีการเติบโตจำกัดความเป็นไปได้ในการเกิดแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง แรงเฉื่อยของตลาดอาจทำให้ดัชนียังคงอยู่ในกรอบด้านข้างหรือค่อยๆ ขยับขึ้น
หลังจากดีดตัวขึ้นจากแนวรับที่ 36,590.0 ดัชนี JP 225 ยังคงไต่ระดับขึ้นและกำลังเข้าใกล้แนวต้านที่ 38,765.0 หากสามารถทะลุระดับนี้ได้สำเร็จ จะเป็นการยืนยันการเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางที่ต่อเนื่อง ปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม
การคาดการณ์ราคาสำหรับ JP 225 พิจารณาดังนี้:
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือนเมษายนลดลง 1.4% เมื่อเทียบรายเดือน แย่กว่าคาดการณ์ที่ -0.9% และสวนทางกับการขยายตัว 3% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งหมายความว่าภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศชะลอตัวลงอย่างชัดเจนหลังจากการฟื้นตัวในช่วงสั้น
รายงานผลผลิตภาคอุตสาหกรรมถูกมองว่าเป็นสัญญาณในเชิงลบต่อตลาดหุ้นเยอรมนี โดยเฉพาะหากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน นักลงทุนอาจเริ่มระมัดระวังมากขึ้นต่อหุ้นในกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจ และหันความสนใจไปยังกลุ่มที่เน้นป้องกันความเสี่ยง
ดัชนี DE 40 ได้กำหนดระดับสำคัญไว้ โดยมีแนวต้านที่ 24,305.0 และแนวรับราว 23,270.0 โครงสร้างราคาปัจจุบันแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นที่มั่นคง เพิ่มโอกาสที่ดัชนีจะสร้างจุดสูงสุดใหม่ในอนาคตอันใกล้
การคาดการณ์ราคาสำหรับ DE 40 พิจารณาดังนี้:
ดัชนี US 30 ทะลุแนวต้าน บ่งชี้ถึงการกลับตัวจากแนวโน้มขาลงก่อนหน้า ขณะที่ JP 225 ของญี่ปุ่นยังคงปรับขึ้นใกล้แนวต้าน ดัชนี US 500 และ US Tech ยังเคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่มั่นคง ส่วน DE 40 ของเยอรมนีกำลังมุ่งหน้าสู่จุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง นักลงทุนให้ความสนใจกับข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เนื่องจากตลาดแรงงานยังคงมีเสถียรภาพและแข็งแกร่ง นอกจากนี้ การแปลความเห็นจากธนาคารกลางสหรัฐฯ และการคาดการณ์เกี่ยวกับตัวชี้วัดเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญจะมีบทบาทชี้ขาดในทิศทางตลาด
การคาดการณ์ที่นำเสนอในส่วนนี้จะสะท้อนให้เห็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้แต่งเท่านั้น และจะไม่สามารถถูกพิจารณาว่าเป็นแนวทางสำหรับการซื้อขาย RoboForex ไม่รับผิดชอบสำหรับผลลัพธ์การซื้อขายที่อ้างอิงตามคำแนะนำการซื้อขายที่อธิบายเอาไว้ในบทวิจารณ์การวิเคราะห์เหล่านี้