นโยบายการค้าของสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อทิศทางของดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากตัดสินใจระงับการเก็บภาษีกับสหภาพยุโรปชั่วคราว ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพิ่มขึ้น ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 27 พฤษภาคม 2025
PMI ที่ออกมาดีกว่าคาดสะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความแข็งแกร่ง แม้จะถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อภาพรวมตลาดหุ้น แต่ปฏิกิริยาในตลาดอาจไม่รุนแรงนัก หากนักลงทุนเชื่อว่า Fed อาจชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยออกไปเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน ประเด็นภาษีกับสหภาพยุโรปยังไม่สิ้นสุด ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นหลังจากมีการประกาศขึ้นภาษี 50% ก่อนจะระงับไว้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากกรณีจีนที่คล้ายกัน ความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ กับ EU จะบรรลุข้อตกลงการค้าใหม่ยังค่อนข้างสูง
ดัชนี US 30 หลุดแนวรับล่าสุดที่ 41,940.0 โดยแนวต้านใหม่ขยับมาอยู่ที่ 42,125.0 และแนวรับใหม่อยู่ที่ 41,145.0 สถานการณ์ยังไม่แน่นอน แนวโน้มขาลงยังค่อนข้างอ่อนแรง
สถานการณ์ที่เป็นไปได้:
ดัชนี US 500 เข้าสู่ระยะพักฐาน โดยแนวรับขยับลงมาอยู่ที่ 5,640.0 และแนวต้านใหม่อยู่ที่ 5,960.0 การพักฐานครั้งนี้ยังอยู่ในระดับปานกลาง และยังไม่ส่งสัญญาณเปลี่ยนแนวโน้มหลัก ขาขึ้นยังมีโอกาสดำเนินต่อไป และอาจพัฒนาเป็นแนวโน้มระยะกลาง
สถานการณ์ที่เป็นไปได้:
ดัชนี US Tech ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้อย่างมั่นคง สะท้อนแรงส่งขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวรับอยู่ที่ 19,980.0 และแนวต้านที่ 21,435.0 ตามสภาพการเคลื่อนไหวในปัจจุบัน มีความเป็นไปได้สูงที่ดัชนีจะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นระยะกลาง
สถานการณ์ที่เป็นไปได้:
อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นกระตุ้นกระแสคาดการณ์ว่าเงินเยนอาจแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทส่งออกญี่ปุ่น เช่น Toyota, Sony และ Canon เนื่องจากเงินเยนที่แข็งค่าจะลดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าญี่ปุ่นในต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน ความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยยังส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารและประกันภัย เนื่องจากจะได้ประโยชน์จากส่วนต่างดอกเบี้ยที่กว้างขึ้น Core CPI ที่ออกมาสูงกว่าคาดหมาย บ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจผลักดันให้ BOJ เร่งการยกเลิกนโยบายผ่อนคลาย ส่งผลให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีสัญญาณผสมทั้งเชิงบวกและลบ
ดัชนี JP 225 ทะลุกรอบไซด์เวย์ระยะกลาง และสามารถทะลุแนวต้านที่ 38,130.0 ได้ การเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการกลับตัวขึ้น แม้ยังคงมีความเสี่ยงของการหลุดหลอก (false breakout) การฟอร์มแนวต้านใหม่ที่ 38,765.0 เสริมแรงให้กับโมเมนตัมขาขึ้น
สถานการณ์ที่เป็นไปได้:
GDP ของเยอรมนีสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของมูลค่ารวมของสินค้าและบริการภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญ การเติบโต +0.4% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ -0.2% แสดงถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และดีกว่าคาดการณ์ที่ +0.2%
การเติบโตของ GDP เพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเสถียรภาพของเศรษฐกิจ สนับสนุนราคาหุ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัฏจักร เช่น อุตสาหกรรม การเงิน และสินค้าผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งอาจลดความเป็นไปได้ที่ ECB จะผ่อนคลายนโยบายการเงินในเร็ววัน ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อกลุ่มหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เช่น อสังหาริมทรัพย์ โดยรวมแล้ว ระดับ GDP นี้เป็นบวกต่อตลาดหุ้นและช่วยเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ดัชนี DE 40 สร้างแนวรับที่ 23,440.0 และแนวต้านที่ 24,100.0 ปัจจุบันราคาเคลื่อนไหวในกรอบพักฐาน แต่หากแนวรับยังคงอยู่ได้ แนวโน้มขาขึ้นอาจกลับมาดำเนินต่อ
สถานการณ์ที่เป็นไปได้:
หลังจากสหรัฐฯ ประกาศและจากนั้นระงับภาษี 50% กับสินค้าจาก EU ตลาดทั่วโลกมีการเปลี่ยนแนวโน้มในระยะสั้นหลายครั้ง ดัชนี US 30 หลุดแนวรับอีกครั้ง และสัญญาณขาขึ้นเริ่มถูกลบล้าง ดัชนี JP 225 ของญี่ปุ่นกำลังไต่ระดับขึ้นใกล้แนวต้าน US 500 และ US Tech ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ส่วน DE 40 ของเยอรมนีมุ่งหน้าสู่การทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง
การคาดการณ์ที่นำเสนอในส่วนนี้จะสะท้อนให้เห็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้แต่งเท่านั้น และจะไม่สามารถถูกพิจารณาว่าเป็นแนวทางสำหรับการซื้อขาย RoboForex ไม่รับผิดชอบสำหรับผลลัพธ์การซื้อขายที่อ้างอิงตามคำแนะนำการซื้อขายที่อธิบายเอาไว้ในบทวิจารณ์การวิเคราะห์เหล่านี้